หมายเหตุถึงหัวหน้าชั้นเรียน
กำหนดเวลาทดสอบและตรวจสอบให้แน่ใจว่ากลุ่มเตรียมตัวสำหรับการทดสอบท้ายบท
Search through all lessons and sections in this course
Searching...
No results found
No matches for ""
Try different keywords or check your spelling
1 min read
by Stephen Gibson
กำหนดเวลาทดสอบและตรวจสอบให้แน่ใจว่ากลุ่มเตรียมตัวสำหรับการทดสอบท้ายบท
มีสามวัฒนธรรมที่หล่อหลอมโลกซึ่งได้รับข่าวประเสริฐในศตวรรษที่หนึ่ง พระเจ้าเตรียมโลกให้อยู่ในสภาวะที่ข่าวประเสริฐเกิดผลสูงสุด
วัฒนธรรมกรีก
อเล็กซานเดอร์มหาราชพิชิตโลกที่เจริญแล้วและก่อตั้งจักรวรรดิของพระองค์ขึ้น พระองค์เผยแพร่วัฒนธรรมกรีกอย่างมีวัตถุประสงค์เพราะว่าพระองค์เชื่อว่าวัฒนธรรมกรีกเหนือวัฒนธรรมทั้งปวงและเพราะจะช่วยให้จักรวรรดิของพระองค์มีความเป็นเอกภาพ พระองค์ประสงค์ให้ทุกคนพูดภาษากรีกและปฏิบัติตามประเพณีกรีก นี่จัดเตรียมสำหรับข่าวประเสริฐเพราะว่าผู้เผยแพร่เทศนาข่าวประเสริฐด้วยภาษากรีกได้ตลอดทั่วจักรวรรดิ
วิธีการคิดแบบกรีกทำให้คนมองตนเองในฐานะปัจเจกบุคคลเป็นสำคัญ แทนที่จะมองตนเองว่าเป็นสมาชิกของเผ่าและครอบครัว ดังนั้น พวกเขาจะเปิดใจต่อการตัดสินใจเลือกศาสนาส่วนตัว คนตระหนักว่าเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนศาสนาของพวกเขา
ชาวกรีกมองตนเองว่าเป็นพลเมืองของโลก แทนที่จะมองตนเองว่าเป็นเพียงพลเมืองของรัฐของตน พวกเขาตระหนักว่า มีความจริงที่นำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกคน แทนความจริงเฉพาะสำหรับแต่ละกลุ่มคน นี่ทำให้พวกเขาตระหนักว่า ความจริงอาจมาถึงพวกเขาจากที่อื่น ไม่ได้มาจากธรรมเนียมของตนเท่านั้น
บรรดานักปรัชญาชาวกรีกพยายามตอบคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับความหมายของชีวิตและจักรวาล พวกเขาเชื่อว่าคำตอบที่มีอยู่จะอธิบายชีวิตให้แก่ทุกคน
นักปรัชญาชาวกรีกใช้เหตุผล เพื่อแสดงให้เห็นว่าศาสนาเดิมต่าง ๆ ผิด พวกเขาทำให้คนไม่รู้สึกพอใจกับตำนานเทพเจ้าต่าง ๆ เทพเจ้าต่าง ๆ เป็นการกล่าวเกินจริงถึงมนุษยชาติโดยมีตำหนิต่าง ๆ ของมนุษย์ และมีความผิดอันเสื่อมศีลธรรมและการกระทำอันชั่วร้ายต่าง ๆ
นักปรัชญาชาวกรีกเสนอคำอธิบายใหม่ ๆ ให้กับชีวิตและความเป็นจริง แต่ละปรัชญาใหม่ได้รับการโต้เถียงและไม่มีปรัชญาไหนประสบความสำเร็จในการตอบคำถามต่าง ๆ อย่างสมบูรณ์ พวกเขาค้นพบและอภิปรายคำถาม ๆ ที่สำคัญแต่ไม่อาจตอบคำถามเหล่านั้น
ปรัชญาไม่อาจสนองความต้องการฝ่ายวิญญาณของมนุษย์ได้
ศาสนาคริสต์ตอบคำถาม ๆ ต่างที่ถูกถามโดยปรัชญาและสนองความต้องการฝ่ายวิญญาณได้
► วัฒนธรรมกรีกเปลี่ยนแปลงโลกและเตรียมพร้อมสำหรับการประกาศข่าวประเสริฐอย่างไร?
วัฒนธรรมโรมัน
จักรวรรดิโรมันพัฒนาขึ้นหลังจากที่จักรวรรดิกรีกได้ล่มสลายออกเป็นเขตแดนต่าง ๆ คนโรมันพิชิตและรวมหลายชนชาติเข้าเป็นหนึ่งเดียว แต่วัฒนธรรมร่วมส่วนใหญ่ยังคงเป็นวัฒนธรรมกรีก
การพิชิตของจักรวรรดิโรมันทำให้ผู้คนสูญเสียความเชื่อในเทพเจ้าท้องถิ่น ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้ คนเต็มใจจะฟังเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงสากลและทรงสรรพสถิตมากขึ้น
คนโรมันเชื่อในเทพเจ้าหลายองค์และมีตำนานเช่นเทวตำนานกรีก คนโรมันที่ได้รับการศึกษาจำนวนมากไม่เชื่อในเทพเจ้าจริง ๆ แต่ปฏิบัติตามศาสนาในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม
กฎหมายโรมันนำไปสู่แนวคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับความยุติธรรม ศาลโรมันมองว่าหลักฐานในวิธีที่มีเหตุผล นี่ช่วยวางรากฐานสำหรับหลักคำสอนเกี่ยวกับความผิดและการถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรมของคน
การปกครองของจักรวรรดิโรมันทำให้สงครามเล็ก ๆ ระหว่างชนชาติจบสิ้นลง นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า แพ็กส์ โรมานา หรือสันติภาพโรมัน สันติภาพนี้ทำให้การเดินทางปลอดภัยขึ้นและผู้ประกาศข่าวประเสริฐข้ามเขตแดนต่าง ๆ ได้โดยไม่มีปัญหา
► วัฒนธรรมโรมันเปลี่ยนแปลงโลกและเตรียมพร้อมสำหรับการประกาศข่าวประเสริฐอย่างไรบ้าง?
วัฒนธรรมคนยิว
คนยิวกระจัดกระจายไปยังทั่วโลกที่เจริญแล้ว พวกเขาก่อตั้งศาลาธรรมและสั่งสอนความเชื่อทุกแห่ง บรรดาอัครทูตสังเกตว่าโมเสสถูกสั่งสอนในทุกเมือง (กิจการ 15:21) คนยิวที่สัตย์ซื่อต่อศาสนาของคนอิสราเอลมีอิทธิพลในกรุงโรม
แนวคิดของลัทธิยูดาเกี่ยวกับพระเจ้าผู้บริสุทธิ์และมีอำนาจอธิปไตยเป็นที่น่าเคารพมากกว่าเทวตำนาน ซึ่งมีเทพเจ้าต่าง ๆ ซึ่งผิดศีลธรรมและทำผิดได้ จริยธรรมอันสูงส่งของลัทธิยูดาเป็นที่ดึงดูดใจในโลกที่ศีลธรรมวุ่นวาย ศาสนาคริสต์มีจริยธรรมเหล่านี้ ยกระดับจริยธรรมเหล่านี้ และเทศนาศักยภาพแห่งพระคุณที่เปลี่ยนแปลงคนบาปให้เป็นคนใหม่และช่วยให้ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ได้
แนวคิดของลัทธิยูดาเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของพระเจ้าในประวัติศาสตร์และความคาดหวังเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ให้ความหวังสำหรับอนาคต ความหวังอยู่ในการแทรกแซงของพระเจ้า ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาของมนุษย์ ศาสนาคริสต์ประกาศว่าพระเมสสิยาห์ได้เสด็จมาและยุคใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
► วัฒนธรรมคนยิวเปลี่ยนแปลงโลกและเตรียมพร้อมสำหรับการประกาศข่าวประเสริฐอย่างไรบ้าง?
ในข้อความนี้ อัครทูตเปาโลอธิบายว่า เพราะอะไรเขาจึงเขียนจดหมาย เขาอยากมาเยี่ยมเยียนพวกเขา จากนั้น รับความช่วยเหลือจากพวกเขา เพื่อเริ่มต้นงานประกาศข่าวประเสริฐในประเทศสเปน วัตถุประสงค์ของจดหมายกำหนดโครงสร้างของจดหมาย เพราะเปาโลอธิบายว่าข่าวประเสริฐคืออะไร เพราะอะไรทุกคนจึงต้องการข่าวประเสริฐ เพราะอะไรผู้ส่งสารจึงสำคัญ และเพราะอะไรเขาจึงมีคุณสมบัติที่จะไป เขาแสดงให้เห็นว่าพันธกิจทั่วโลกเป็นแผนการของพระเจ้าเสมอ
► ให้นักศึกษาหนึ่งคนอ่าน โรม 15:8-33 ให้กลุ่มฟัง
บันทึก ศึกษาไปทีละข้อ
(โรม 15:8) พระเยซูกระทำให้พระสัญญาเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ที่ประทานแก่บรรดาปิตาจารย์ชาวยิวสำเร็จ และมาถึงชนชาติและศาสนายิว
(โรม 15:9-12) อัครทูตเปาโลแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าวางแผนให้ข่าวประเสริฐไปถึงคนต่างชาติเสมอ ผ่านคำอ้างอิงจากพันธสัญญาเดิมหลายแห่ง ในพระคัมภีร์ที่เปาโลอ้างอิง บรรดาผู้เผยพระวจนะได้พยากรณ์ว่า
คนต่างชาติจะกลายเป็นผู้นมัสการพระเจ้า
พระเมสสิยาห์จะปกครองเหนือคนต่างชาติ
คนต่างชาติจะไว้วางใจพระเมสสิยาห์
(โรม 15:13-14) อัครทูตเปาโลอธิษฐานอวยพรคริสตจักรที่กรุงโรม และกล่าวว่าเขาเชื่อว่าพวกเขาเข้มแข็งฝ่ายวิญญาณ ในพระคัมภีร์ข้อถัดมา เขาเรียกร้องพวกเขาให้มีนิมิตสำหรับงานพันธกิจ แม้กระทั่งคริสตจักรที่ได้รับการอวยพรและเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็งฝ่ายวิญญาณก็ไม่สมบูรณ์ เมื่อปราศจากนิมิตและการมีส่วนเกี่ยวข้องกับทำงานเป็นมิชชันนารี
► เกิดอะไรขึ้นถ้าหากคริสตจักรไม่มีความปรารถนาจะสนับสนุนการทำงานเป็นมิชชันนารีในพื้นที่ห่างไกลต่าง ๆ?
(โรม 15:15-16) เขาบอกพวกเขาเกี่ยวกับการทรงเรียกพิเศษของเขาที่จะนำข่าวประเสริฐไปถึงคนต่างชาติ พระเจ้าประทานของประทานฝ่ายวิญญาณพิเศษต่าง ๆ สำหรับการงานนี้ ความปรารถนาของเขาคือให้คริสตจักรของคนต่างชาติเป็นคริสตจักรที่บริสุทธิ์ แท้จริง และเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
(โรม 15:17-19) พระเจ้าประทานความสำเร็จให้แก่พันธกิจของเขา คนต่างชาติจำนวนมากเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า ผลลัพธ์สำคัญที่สุดของพันธกิจคือผู้คนที่กลับใจใหม่และดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อฟังพระเจ้า ไม่มีเครื่องหมายแห่งความสำเร็จใดจะสำคัญไปกว่านี้ เขากล่าวว่าพระเจ้ากระทำหมายสำคัญแก่พันธกิจของเขาด้วยการอัศจรรย์จากพระเจ้าเช่นกัน เขาประกาศข่าวประเสริฐไปตลอดภูมิภาคใหญ่ต่าง ๆ
(โรม 15:20-22) วิธีปฏิบัติของเขาคือเทศนาไปตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ข่าวประเสริฐยังไม่เคยถูกเทศนามาก่อน เขาครอบคลุมภูมิภาคต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ นั่นเป็นเหตุผลสำคัญอันดับแรกที่เขาไม่ได้เดินทางไปยังกรุงโรม เพราะมีผู้เทศนาข่าวประเสริฐที่กรุงโรมแล้ว
(โรม 15:23-24) เขาได้เทศนาข่าวประเสริฐในทุกพื้นที่ใกล้เขา เขาอยากให้คริสตจักรที่กรุงโรมช่วยเขาเดินทางเผยแพร่ไปถึงประเทศสเปน การเดินทางนั้นจะเปิดโอกาสให้เขาได้เทศนาและมีสามัคคีธรรมที่กรุงโรมและช่วยให้เขาเข้าถึงภูมิภาคที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึง
► จงอธิบายว่าคริสเตียนทุกคนและคริสตจักรทุกที่เป็นหนี้ต้องสนับสนุนการประกาศข่าวประเสริฐอย่างไรบ้าง? (หากจำเป็น ให้ดูหมายเหตุ 1:15 ในบทแรก)
(โรม 15:25-29) ประการแรก เขาจะเดินทางไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อนำของถวายจากคริสตจักรของคนต่างชาติไปมอบให้แก่คริสตจักรของคนยิว ของถวายนี้สำคัญมาก โดยการส่งมอบของถวายนี้ คนต่างชาติจะยอมรับว่าตนเป็นหนี้คนยิว เพราะคริสเตียนชาวยิวนำข่าวประเสริฐมาให้พวกเขา คนยิวยอมรับว่าคนต่างชาติอยู่ในคริสตจักรเดียวกันโดยยอมรับของถวาย จะไม่มีการแบ่งแยกศาสนาคริสต์ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เปาโลขอให้พวกเขาอธิษฐานที่ผู้เชื่อชาวยิวจะยอมรับของถวาย
(โรม 15:30-33) เขาขอให้พวกเขาอธิษฐานที่เขาจะได้รับการปลดปล่อยจากอันตรายคนยิวที่ไม่เชื่อที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อเขาจะมากรุงโรมได้ คำอธิษฐานนี้ได้รับคำตอบ ถึงแม้ว่าไม่ใช่ในลักษณะที่เขาเลือกก็ตาม เปาโลมาถึงกรุงโรมในฐานะนักโทษหลังจากที่ถูกผู้ปกครองชาวยิวจับกุมที่กรุงเยรูซาเล็ม ถูกผู้ปกครองชาวโรมันนำตัวส่งไปยังกรุงโรมเพื่อการไต่สวน (เรื่องราวอยู่ในพระธรรมกิจการ เริ่มต้นที่กิจการ 21:26 ไปจนจบ) เราไม่รู้ว่าเปาโลได้เดินทางไปยังประเทศสเปนหรือเปล่า
► เรามองเห็นถึงการจัดเตรียมของพระเจ้าในเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตของเปาโลอย่างไรบ้าง ถึงแม้ว่าการเดินทางไปยังประเทศสเปนไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่เขาวางแผนไว้?
บทสรุปของบทที่ 16
ในจดหมายฝากฉบับนี้มีคำทักทายซึ่งระบุชื่อมากกว่าจดหมายฝากฉบับอื่น ๆ ของเปาโล อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยไปที่กรุงโรมมาก่อน เขากล่าวถึงคนรู้จักทั้งหมดของเขาซึ่งอยู่ที่นั่น เพื่อจะช่วยเขาสานความสัมพันธ์กับคริสตจักร
► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่านพระธรรมโรม 16 ให้กลุ่มฟัง
หมายเหตุ ศึกษาไปทีละข้อ
(โรม 16:1-2) เฟบีอาจจะอยู่กับคนที่ถือจดหมายฉบับนี้ เปาโลบอกกับพวกเขาให้ช่วยนางในพันธกิจของนาง เพราะนางช่วยตอบสนองความจำเป็นต่าง ๆ ของคนจำนวนมาก คนที่เราควรจะช่วยเหลือสนับสนุนมากที่สุดก็คือคนที่เป็นพรต่อคนอื่นอยู่แล้ว
(โรม 16:3-4) อควิลลากับนางปริสคาได้เสี่ยงชีวิตเพื่อเปาโล (ดูที่ โรม 18:1-3, 24-26 เกี่ยวกับประวัติเพิ่มเติมของพวกเขา)
(โรม 16:7, 11, 21) เปาโลระบุชื่อญาติของเขาในพระคัมภีร์ข้อเหล่านี้
(โรม 16:13) หญิงที่ถูกกล่าวถึงอาจจะไม่ใช่มารดาของเปาโลตามตัวอักษร รูฟัสอาจเป็นบุตรของซีโมนแห่งไซรีนซึ่งแบกไม้กางเขนของพระเยซูเนื่องจากในพระธรรมมาระโก 15:21 กล่าวถึงชื่อของเขาราวกับว่าเขาเป็นที่รู้จักต่อคริสตจักรในภายหลัง
(โรม 16:17-18) มีคนที่พยายามแยกคนอื่น ๆ ออกจากความจริงซึ่งเป็นรากฐานของคริสตจักร เพื่อจะสร้างผู้ติดตามของตนเอง พวกเขาไม่ได้กำลังรับใช้พระคริสต์ แต่กำลังรับใช้ความปรารถนาของตนเอง คำสอนของพวกเขาขัดแย้งกับหลักคำสอนที่ถูกต้องเกี่ยวกับความรอด (ดูใน 3 ยอห์น 1:9-10 และใน 2 เปโตร 2:1-3)
(โรม 16:19) เราจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความจริงให้มากเท่าที่มากได้ เราไม่จำเป็นต้องรู้มากเกี่ยวกับความชั่วร้าย ผู้คนที่ศึกษาสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ก็เผชิญหน้ากับอันตรายของการดึงดูดอันล่อแหลมและความคิดที่บิดเบือน
(โรม 16:20) คริสตจักรจะมีชัยชนะสุดท้ายเหนือซาตานผ่านพระราชกิจแห่งพระคริสต์ (ปฐมกาล 3:15)
(โรม 16:22) เทอร์ทิอัสไม่ได้เป็นผู้เขียน แต่เป็นคนช่วยเขียนข้อความในจดหมายตามที่เปาโลบอกให้เขียน
(โรม 16:25-27) ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้อ้างอิงถึงสาระสำคัญหลักของจดหมาย สังเกตวลี “ข่าวประเสริฐซึ่งข้าพเจ้า” และ”เรื่องราวแห่งพระเยซูคริสต์” เขากล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า ข่าวประเสริฐเป็นทั้งการเปิดเผยอันสดใหม่ และเป็นข่าวสารดั้งเดิมของบรรดาผู้เผยพระวจนะ เขาส่งท้ายด้วยการอ้างอิงสุดท้ายถึงพันธกิจต่าง ๆ โดยย้ำเตือนพวกเขาว่าข่าวสารมีเพื่อชนชาติทั้งปวง เป้าหมายของงานพันธกิจก็เป็นเป้าหมายเดียวกันกับที่พระเยซูกล่าวถึงในพระมหาบัญชา (มัทธิว 28:19-20) คือ เป็นการนำผู้คนเข้าสู่การเชื่อฟังพระคริสต์ พระธรรมนี้สรุปจดหมายดังที่เริ่มต้น ดังที่ โรม 1:5 กล่าวว่า เหตุผลสำหรับพันธกิจคือเพื่อนำผู้คนทุกชนชาติเข้าสู่การเชื่อฟังพระเจ้า
เราอาจอธิบายข่าวประเสริฐโดยใช้พระคัมภีร์ข้อต่าง ๆ จากพระธรรมโรม บางครั้งการนำเสนอข่าวประเสริฐเรียกว่า “ถนนสู่กรุงโรม”
ประโยคแรกของคำอธิบายสำหรับข้ออ้างอิงแต่ละข้อมีความสำคัญที่สุดที่ต้องจดจำ
โรม 3:23
“เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า”
ทุกคนทำบาปโดยทำสิ่งต่าง ๆ ที่รู้ว่าผิด พระคัมภีร์ข้อนี้แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริงที่ผู้คนมีอยู่ พวกเขาไม่เชื่อฟังพระเจ้า พวกเขาจงใจไม่เชื่อฟังพระเจ้า ไม่ยกเว้นใคร ไม่มีใครเป็นที่ยอมรับต่อพระเจ้าบนพื้นฐานแห่งการทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ
การเน้นเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ เขาใช้ โรม 3:10 (“ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียวไม่มีเลย”) และ โรม 5:12 (“และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป”)
โรม 6:23
“เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”
คนบาปได้รับความตายนิรันดร์ แต่พระเจ้าทรงเสนอชีวิตนิรันดร์ให้เป็นของประทานทางพระเยซู
พระคัมภีร์ข้อนี้แสดงเห็นว่าเพราะอะไรบาปจึงเป็นสิ่งร้ายแรง โทษทัณฑ์แห่งบาปถูกส่งต่อไปยังทุกคนเนื่องจากบาป บาปเป็นความตายนิรันดร์ ความตายนิรันดร์เป็นการพิพากษาของพระเจ้าที่คนบาปทุกคนสมควรได้รับ
ตรงกันข้ามกับความตายซึ่งเป็นสิ่งที่เรากระทำแล้วจึงได้รับ พระเจ้าทรงเสนอของประทานแห่งชีวิต ซึ่งไม่ได้เป็นสิ่งที่เรากระทำแล้วจึงได้รับ
โรม 5:8
“แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา”
การสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์จัดเตรียมของประทานของพระเจ้าเพื่อเรา
พระเจ้าไม่เต็มพระทัยให้เรารับการพิพากษาที่เราสมควรได้รับ เพราะว่าพระองค์รักเรา พระองค์จึงจัดเตรียมวิธีสำหรับเราเพื่อได้รับพระคุณ พระเยซูสิ้นพระชนม์เป็นเครื่องบูชาเพื่อเราจะได้รับการยกโทษ พระเจ้าไม่คอยให้เราทำสิ่งที่ทำให้สมควรได้รับความรอด ความรอดมาถึงเราในขณะที่เรายังเป็นคนบาป พระเจ้าไม่ได้เสนอความรอดให้แก่คนดี แต่เสนอความรอดให้แก่คนบาป
โรม 10:9
“คือว่าถ้าเขาจะยอมรับด้วยปาก...และเชื่อในใจ...เขาจะรอด”
ข้อกำหนดเดียวสำหรับความรอด คือการที่คนบาปยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาปและเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าสำหรับการยกโทษ
แล้วการกลับใจใหม่เล่า? ถ้าหากคนยอมรับว่าเขาทำผิดและต้องการได้รับการยกโทษแล้ว เขาก็บอกเป็นนัยว่าเขาเต็มใจจะเลิกทำบาป
โรม 10:13
“เพราะว่า ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด”
ข้อเสนอแห่งความรอดมีเพื่อทุกคน ไม่มีใครถูกยกเว้น ไม่มีคุณสมบัติอื่น ๆ อีก
โรม 5:1
“เพราะฉะนั้น เมื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมโดยความเชื่อแล้ว เราจึงอยู่อย่างสงบเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า”
การเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าทำให้เราเป็นสหายของพระองค์ ไม่ถูกนับว่ามีความผิดอีกต่อไป
การมีสันติกับพระเจ้าหมายความว่า เราไม่เป็นศัตรูของพระองค์อีกต่อไป เราคืนดีกับพระเจ้า บาปที่แยกเราออกจากพระเจ้าถูกนำออกไปแล้ว การถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรมหมายถึงการถูกนับว่าไม่มีความผิด การถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อหมายถึง การเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับการยกโทษของเรา
โรม 8:1
“เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์”
เนื่องจากเราได้รับการเชื่อมต่อกับพระเจ้า เราจึงไม่ถูกลงโทษเนื่องจากบาปที่ได้กระทำอีกต่อไป
พระคริสต์ดำเนินชีวิตอันไร้บาป และทำให้ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับความยุติธรรมสำเร็จด้วยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขน โดยความเชื่อเรามองว่าเราเป็นเหมือนกับพระองค์ และพระเจ้ายอมรับเราพร้อมกับพระองค์ พระเจ้าปฏิบัติต่อเราราวกับว่าเราไม่เคยทำบาปมาก่อน
บทสรุป
จงอธิบายว่าผู้ไม่เชื่อได้รับความรอดได้โดยอธิษฐานต่อพระเจ้า สารภาพว่าคุณเป็นคนบาป และขอการยกโทษบนพื้นฐานของเครื่องบูชาของพระเยซูสำหรับคุณ
สำหรับการเรียนรู้และฝึกฝน
วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนรู้และฝึกฝนใช้เครื่องมือนี้ คือให้ทำเครื่องหมายพระคัมภีร์ที่จะใช้ในพระธรรมโรมโดยวงกลมหรือขีดเส้นใต้ในพระคัมภีร์ของคุณก่อน จากนั้นใส่หมายเลขข้าง ๆ แต่ละข้อแสดงลำดับที่จะใช้ ตัวอย่าง เช่น เขียนเลข 1 ข้างพระคัมภีร์ข้อที่จะใช้เป็นอันดับแรก
ฝึกฝนนำเสนอข่าวประเสริฐ อ่านพระคัมภีร์แต่ละข้อและให้คำอธิบายแต่ละข้อ ให้แน่ใจว่าคุณได้รวมแนวคิดต่าง ๆ ที่อยู่ในประโยคแรกของแต่ละข้อเอาไว้ด้วย จากนั้น เพิ่มคำอธิบายต่าง ๆ ที่จำเป็นโดยประโยคอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องใช้คำที่จัดให้ไว้ในบทเรียนนี้
ฝึกฝนจนกว่าคุณจะทำได้โดยไม่ต้องดูเครื่องมืออะไร ยกเว้นพระคัมภีร์
ไฟล์ PDF ที่สามารถดูหรือพิมพ์ได้ของคำถามเพื่อการทบทวนทั้งหมดมีให้ที่นี่
(1) จงอธิบายวิธีการที่วัฒนธรรมใหญ่สามวัฒนธรรมได้จัดเตรียมโลกสำหรับการประกาศข่าวประเสริฐในศตวรรษที่ 1
(2) อัครทูตเปาโลแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าวางแผนให้ข่าวประเสริฐไปถึงคนต่างชาติเสมอได้อย่างไร?
(3) ของถวายสำหรับคริสตจักรที่กรุงเยรูซาเล็มมีความสำคัญมากเพราะอะไร?
(4) เปาโลไปถึงกรุงโรมได้อย่างไร?
SGC exists to equip rising Christian leaders around the world by providing free, high-quality theological resources. We gladly grant permission for you to print and distribute our courses under these simple guidelines:
All materials remain the copyrighted property of Shepherds Global Classroom. We simply ask that you honor the integrity of the content and mission.
Questions? Reach out to us anytime at info@shepherdsglobal.org
Total
$21.99By submitting your contact info, you agree to receive occasional email updates about this ministry.
Download audio files for offline listening
No audio files are available for this course yet.
Check back soon or visit our audio courses page.
Share this free course with others