จุดประสงค์บทเรียน
(1) ฝึกปฏิบัติในการนำขั้นตอนการตีความมาใช้กับพระคัมภีร์ตอนที่เลือกไว้
(2) จัดทำเอกสารหรือเตรียมการนำเสนอด้วยวาจาเกี่ยวกับการศึกษาพระคัมภีร์ตอนนั้นอย่างละเอียด
Search through all lessons and sections in this course
Searching...
No results found
No matches for ""
Try different keywords or check your spelling
1 min read
by Randall McElwain
(1) ฝึกปฏิบัติในการนำขั้นตอนการตีความมาใช้กับพระคัมภีร์ตอนที่เลือกไว้
(2) จัดทำเอกสารหรือเตรียมการนำเสนอด้วยวาจาเกี่ยวกับการศึกษาพระคัมภีร์ตอนนั้นอย่างละเอียด
บันทึกสำหรับหัวหน้าชั้นเรียน: จัดสรรเวลาในชั้นเรียนให้เพียงพอสำหรับการทำกิจกรรมภาคปฏิบัติในบทเรียนนี้ แม้ว่าจะต้องเรียนมากกว่าหนึ่งคาบเรียนก็ตาม
ในหลักสูตรนี้ เราได้ศึกษาขั้นตอนการตีความพระคัมภีร์ ได้แก่ การสังเกต การตีความ และการประยุกต์ใช้ เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่มักจะเกิดขึ้นในการตีความพระคัมภีร์ เราได้อภิปรายกันถึงหลักการที่สำคัญสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์ เราได้ฝึกปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน ในบทเรียนนี้ เราจะทบทวนกระบวนการทั้งหมดก่อน จากนั้นร่วมกันทั้งชั้นเรียน เราจะศึกษาพระคัมภีร์เป็นตอนๆ จากทั้งพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่โดยใช้กระบวนการนี้ คุณจะได้ฝึกใช้ทักษะของคุณเองด้วย จากนั้นคุณจะทำโครงการของหลักสูตรที่เริ่มต้นในบทที่ 1 ให้เสร็จสมบูรณ์
ในการเริ่มต้น ขอให้ทบทวนภาพด้านล่างนี้
การตีความพระคัมภีร์[1]
ไฟล์ PDF ที่สามารถดูหรือพิมพ์ได้มีให้ที่นี่

| 1 | เมืองของพวกเขา | ข้อความดั้งเดิมของพระคัมภีร์ |
| 2 | แม่น้ำ | ความแตกต่างทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่แยกโลกของเราออกจากโลกโบราณ |
| 3 | สะพาน | หลักการที่สอนไว้ในข้อความ |
| 4 | แผนที่ | ความสัมพันธ์กันกับพันธสัญญาใหม่ (สำหรับเนื้อหาในพันธสัญญาเดิม) |
| 5 | เมืองของเรา | การประยุกต์ใช้หลักการในโลกที่เราอยู่ |
ในส่วนต่อไปของบทเรียนนี้จะทบทวนกระบวนการทั้งหมดของการตีความพระคัมภีร์ ในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการตีความ ผู้ตีความควรถามคำถามที่จะช่วยให้พวกเขาได้ข้อสรุปที่ถูกต้อง คำถามเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากหลักการตีความ
คำถามต่างๆ ที่ควรถามในแต่ละจุดของกระบวนการนี้ได้เขียนเป็นรายการไว้แล้ว ตัวอย่างต่างๆ แสดงถึงวิธีการใช้คำถามและบอกว่าเพราะเหตุใดคำถามเหล่านี้จึงเป็นประโยชน์ต่อการตีความอย่างถูกต้อง
ชุดคำถามควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นกล่องเครื่องมือสำหรับการตีความ เช่นเดียวกับช่างก่อสร้างที่อาจไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทุกชิ้นในโปรเจคก่อสร้างที่เจาะจง ในที่นี้เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกคำถามกับพระคัมภีร์ทุกตอน แต่ละคำถามอาจถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์ตอนหนึ่งได้ หากดูเหมือนว่าคำตอบนั้นไม่มีอยู่จริงหรือหากดูเหมือนว่าไม่ได้ให้ความเข้าใจอะไรเลย
ผู้เขียน
ใครคือผู้เขียน?
เขามีบทบาทอะไร?
เขามีความสัมพันธ์กับผู้รับอย่างไร?
1 ทิโมธี 5:20: “ส่วนพวกที่ยังคงทำบาปอยู่นั้น จงตักเตือนเขาทั้งหลายต่อหน้าทุกคน...”
อัครทูตเปาโล ผู้เขียน 1 ทิโมธี เป็นพี่เลี้ยงของทิโมธี นี่เป็นคำสั่งสอนที่เปาโลให้ไว้กับทิโมธีผู้เป็น
ศิษยาภิบาลหนุ่มการเข้าใจสิ่งเหล่านี้ช่วยให้เราตระหนักว่าคำสั่งสอนของเปาโลอาจไม่ได้ประยุกต์ใช้โดยตรงกับ
คริสเตียนทุกคน
ผู้ฟังดั้งเดิม
พวกเขาเป็นใคร?
อะไรคือลักษณะเฉพาะของพวกเขา?
ฟีเลโมนถูกเขียนถึงผู้เชื่อคนหนึ่ง
ฮีบรูถูกเขียนถึงบรรดาผู้เชื่อชาวยิวที่ถูกข่มเหง
สถานการณ์
พระคัมภีร์ตอนนี้ถูกเขียนขึ้นในช่วงใดของประวัติศาสตร์แห่งความรอด?
2 พงศาวดาร 7:14: “ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยนามของเรานั้นจะถ่อมตัวลง อธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา ทั้งหันเสียจากทางชั่วของพวกเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย”
“ประชากรของเรา” หมายถึงชนชาติเจาะจงชนชาติหนึ่งที่เป็นประชากรของพระเจ้า คำสัญญาว่าจะ “รักษาแผ่นดินของเขา” ไม่จำเป็นต้องนำมาใช้โดยตรงกับคริสตจักร
วัฒนธรรมดั้งเดิมเป็นอย่างไร? หากเป็นไปได้ ขอให้ใช้พจนานุกรมพระคัมภีร์เพื่อศึกษาวัฒนธรรมดั้งเดิม วิธีนี้จะช่วยให้คุณเปรียบเทียบความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมของพวกเขากับของเราได้
2 โครินธ์ 13:12: “จงทักทายกันด้วยธรรมเนียมจูบอันบริสุทธิ์”
การทักทายด้วยจูบอันบริสุทธิ์เป็นวัฒนธรรมปกติในท่ามกลางคริสเตียนสมัยนั้น
ขณะนั้นมีเหตุการณ์อะไร?
สถานการณ์คริสตจักรเป็นอย่างไร? (เฉพาะข้อพระคัมภีร์ในพันธสัญญาใหม่เท่านั้น)
พิจารณาลักษณะเฉพาะของรูปแบบวรรณกรรมของพระธรรมและพระคัมภีร์ตอนนั้น
พระธรรม/พระคัมภีร์ตอนนี้ มีรูปแบบวรรณกรรมอะไร?
อะไรคือลักษณะเฉพาะของรูปแบบวรรณกรรมนี้?
สดุดี 124:4-5:
รูปแบบวรรณกรรม: บทกวี
ลักษณะเฉพาะ: ข้อความคู่ขนาน
วิวรณ์ 12:3:
รูปแบบวรรณกรรม: วรรณกรรมเกี่ยวกับอวสานของโลก
ลักษณะเฉพาะ: มีสัญลักษณ์เป็นสัตว์ต่างๆ
จุดประสงค์ของการเขียนคืออะไร? มองหาสิ่งที่ผู้เขียนเน้นย้ำหรือมีเรื่องใดที่ผู้เขียนได้แสดงออกถึงความกังวล ให้คำอธิบาย หรือท้าทายผู้อ่าน
1 โครินธ์ 7:1: “เกี่ยวกับเรื่องที่พวกท่านเขียนมานั้น…”
1 โครินธ์เขียนขึ้นเพื่อเป็นการตอบจดหมายที่คริสตจักรโครินธ์เขียนถึงเปาโลเพื่อถามคำถามต่างๆ
ดูเหมือนว่าอะไรคือปัญหา/ความจำเป็นของผู้รับจดหมายบ้าง?
1 โครินธ์ 1:10: “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิงวอนท่านในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอให้ปรองดองกัน อย่ามีความแตกแยกในพวกท่าน แต่ขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความคิดและความเห็น ”
ความแตกแยก เป็นเรื่องที่พูดถึงบ่อยครั้งตลอดทั้งจดหมาย
ผู้เขียนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรต่อผู้รับ? มีคำสั่งใดที่ให้ไว้หลังจากผู้เขียนสังเกตเห็นซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ที่-ชัดเจนว่าเป็นความคาดหวังของผู้เขียน? คำสั่งเหล่านี้บ่งชี้ว่าเราควรประยุกต์ใช้พระคัมภีร์ตอนนี้อย่างไร
บ่อยครั้งแต่ไม่เสมอไป ที่การแบ่งบทๆ หนึ่งจะใช้เป็นจุดสิ้นสุดหรือจุดเริ่มต้นของเนื้อหา บางครั้งบททั้งบทอาจเป็นเนื้อหาตอนเดียวรวด ในบางครั้งการแบ่งบทก็ไม่ได้แบ่งอย่างเหมาะสมและไม่ควรเป็นจุดแบ่งเนื้อหาตอนต่างๆ ขอให้คอยดูการเปลี่ยนหัวข้อซึ่งมักจะมีสัญลักษณ์เป็นข้อความเชื่อมโยง หากคุณพยายามใส่เนื้อหาเข้าไปในพระคัมภีร์ตอนนั้นมากเกินก็จะทำให้ไม่มีใจความสำคัญเดียวที่เป็นหลัก หากคุณใส่เนื้อหาเข้าไปไม่เพียงพอ พระคัมภีร์ตอนนั้นก็จะไม่มีแนวคิดที่ครบถ้วน
มีข้อพระคัมภีร์อะไรที่รวมอยู่ในพระคัมภีร์ตอนนี้?
2 โครินธ์ 7:1: “ท่านที่รักทั้งหลาย ในเมื่อเรามีพระสัญญาเช่นนี้ ขอให้เรา…”
นี่คือส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่อยู่ในตอนท้ายของบทก่อนหน้าคือ 2 โครินธ์ 6:14-18
อิสยาห์ 52:13-15 เป็นเนื้อหาที่อยู่ในตอนเดียวกันกับ อิสยาห์ 53
เรื่องเล่านี้สอดคล้องกันกับใจความสำคัญที่ใหญ่กว่าไหม?
ผู้วินิจฉัย 17:5: “มีคาห์คนนี้มีสถานที่บูชาพระ แห่งหนึ่ง เขาทำเอโฟด และรูปเคารพประจำบ้าน และแต่งตั้งบุตรคนหนึ่งของเขาเป็นปุโรหิต”
ชายคนหนึ่งมีปุโรหิตและรูปเคารพสำหรับตัวเอง ข้อพระคัมภีร์นี้และเรื่องเล่าที่อยู่แวดล้อมใน ผู้วินิจฉัย 17-18 บรรยายภาพใจความสำคัญโดยรวมของพระธรรมผู้วินิจฉัย นั่นคือ “…ทุกคนก็ทำตามที่ตนเองเห็นชอบ” (ผู้วินิจฉัย 17:6 ผู้วินิจฉัย 21:25)
มีศาสนศาสตร์อะไรที่ไห้ไว้เพื่อการประยุกต์ใช้ภายหลังไหม?
นี่เป็นการประยุกต์ใช้ของพระคัมภีร์ตอนก่อนหน้าในพระธรรมนี้ใช่ไหม?
เอเฟซัส 4-6 เป็นการประยุกต์ใช้ในเชิงปฏิบัติของศาสนศาสตร์ที่สอนไว้ใน เอเฟซัส 1-3 ใน เอเฟซัส 4:1 คำว่า “เพราะฉะนั้น” ระบุถึงจุดเปลี่ยนจากคำสอนเรื่องศาสนศาสตร์มาสู่คำสอนเพื่อการประยุกต์ใช้ในเชิงปฏิบัติ
เอเฟซัส 4:1: “เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้า... ขอวิงวอนพวกท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับการทรงเรียกที่ท่านได้รับการทรงเรียกมานั้น”
เนื้อหาบางอย่างเป็นการปูทางไปสู่เนื้อหาหลักเท่านั้นไหม?
มาระโก 2:2: “คนจำนวนมากก็มาชุมนุมกันจนล้นออกไปถึงนอกประตู….”
รายละเอียดเหล่านี้ปูทางให้ผู้อ่านพร้อมที่จะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับชายที่ถูกหย่อนลงไปจากหลังคา
มีคำอะไรที่ใช้เชื่อมโยงความคิดตามลำดับเวลา?
การใช้คำซ้ำคำว่า เมื่อนั้น ใน มัทธิว 24
มีการนำเสนอคำถามหรือปัญหาอะไรไหม?
โรม 6:1: “ถ้าอย่างนั้น เราจะว่าอย่างไร? เราจะอยู่ในบาปต่อไปเพื่อให้พระคุณเพิ่มทวีขึ้นหรือ?”
มีคำอะไรที่ใช้เพื่อเชื่อมโยงแนวคิดแบบมีเหตุผลไหม?
คำซ้ำคำว่า เพราะ ใน โรม 6 แสดงให้เห็นถึงลำดับของเหตุผล
มีการเปรียบเทียบความเหมือนหรือความแตกต่างไหม?
โรม 6:19-20: “…เพราะท่านเคยยกอวัยวะของท่านเป็นทาสของการโสโครกและของการบาปซ้อนบาปอย่างไร บัดนี้จงยกอวัยวะของท่านเป็นทาสของความชอบธรรม เพื่อการชำระให้บริสุทธิ์อย่างนั้น…”
การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการเป็นทาสในอดีต (การโสโครกและบาปซ้อนบาป) กับการเป็นทาสในปัจจุบัน (ความชอบธรรม)
มีการใช้คำซ้ำหรือคำศัพท์ที่คล้ายกันไหม?
โรม 6 มีคำซ้ำ/คำศัพท์ที่คล้ายกัน คือ ตาย, ทรงตาย, ความตาย, ถูกตรึงไว้, ถูกฝัง, ถูกทำลายให้สิ้นไป
คำทั้งหมดเหล่านี้เป็นการสรุป
มีรายการสิ่งใดๆ เขียนไว้ไหม?
1 ทิโมธี 4:12: “…แต่จงเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้เชื่อ ทั้งในด้านวาจาและการประพฤติ ทั้งในด้านความรัก ความเชื่อ และความบริสุทธิ์”
มีการใช้ภาพอธิบายหรือภาษาภาพพจน์ไหม?
โรม 6 ใช้การตรึงบนไม้กางเขนเป็นภาษาภาพพจน์
มีการอธิบายวิธีการบรรลุเป้าหมายไว้หรือไม่?
โรม 8:13: “…ถ้าโดยทางพระวิญญาณ ท่านทำลายกิจการของร่างกาย ท่านก็จะดำรงชีวิตได้”
“โดยทางพระวิญญาณ” – วิธี
“ทำลายกิจการของร่างกาย” – เป้าหมาย
“ท่านก็จะดำรงชีวิตได้” – เป้าหมายสูงสุด
มีการให้เหตุผลสำหรับคำกล่าวหรือข้อเรียกร้องไหม?
คำซ้ำคำว่า เพราะว่า นำเข้าสู่คำอธิบายเกี่ยวกับคำยืนยันใน โรม 6
มีจุดสูงสุดของเรื่องหรือจุดพลิกผันไหม? นี่เป็นคำถามเจาะจงสำหรับเรื่องเล่า
ในคำอุปมาที่เล่าไว้ใน มัทธิว 21:33-41 จุดสูงสุดของเรื่องคือข้อ 38-39
มีการอธิบายถึงสาเหตุและผลกระทบไหม?
กาลาเทีย 5:16: “แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง”
สาเหตุ: “ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ”
ผลกระทบ: “ท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง”
ส่วนนี้ทำหน้าที่เป็นข้อสรุปของสิ่งที่อยู่ก่อนหน้าหรือสิ่งที่ตามมาไหม?
ผู้วินิจฉัย 2:11-23 สรุปพระธรรมผู้วินิจฉัย
เอเฟซัส 5:1 สรุป เอเฟซัส 4:25-32
ส่วนนี้กล่าวถึงหรืออ้างอิงถึงพระคัมภีร์ตอนอื่นไหม? ผู้เขียนพันธสัญญาใหม่มักจะใช้ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงหรือภาพอธิบายจากพันธสัญญาเดิม
โรม 12:1: “ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน”
ในข้อนี้ เครื่องบูชา เป็นภาพที่สื่อถึงบางสิ่งในพันธสัญญาเดิม
ข้อความนี้หมายถึงอะไร? ถอดความสิ่งที่ข้อความนั้นกำลังพูดถึงจริงๆ
ทำไมถึงมีข้อความนี้และทำไมถึงถูกวางไว้ที่นี่? พิจารณาว่าจะมีความแตกต่างอย่างไรหากไม่มีข้อความนี้
คุณได้ทำการสังเกตรายละเอียดของข้อพระคัมภีร์หรือเนื้อหาตอนนั้นอย่างถี่ถ้วนแล้ว ขอให้สรุปเนื้อหาที่ผู้เขียนพูดกับผู้ฟังดั้งเดิม สรุปข้อพระคัมภีร์หนึ่งข้ออาจเป็นหนึ่งประโยค แต่สรุปเนื้อหาเป็นตอนจะต้องมีหลายประโยคหรือหลายย่อหน้า
เป้าหมายของขั้นตอนนี้คือการบอกเล่าสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะพูดกับผู้อ่านกลุ่มแรก นี่ไม่ใช่เวลาที่จะจินตนาการและสร้างสรรค์ คุณสามารถสร้างสรรค์ได้เมื่อคุณพัฒนาวิธีการสื่อสารข้อความผ่านการเทศนาหรือการสอน แต่ตอนนี้คุณกำลังพยายามค้นหาความหมายของข้อพระคัมภีร์ ความหมายควรมาจากข้อพระคัมภีร์ ไม่ใช่จากจินตนาการของคุณ
ผู้เขียนกำลังพูดอะไรกับผู้อ่านที่เป็นกลุ่มเป้าหมายกลุ่มแรก?
1 โครินธ์ 1:10-13 สามารถสรุปได้ทำนองนี้ว่า “ได้โปรดมีความเห็นตรงกันในเรื่องหลักคำสอนและการสามัคคีธรรมในพวกท่าน และอย่าแบ่งฝ่ายต่อสู้กันเอง ข้าพเจ้าได้ยินมาจากครอบครัวของนางคะโลเอว่าพวกท่านกำลังโต้เถียงกัน ท่านกำลังเลือกติดตามผู้นำหลายคน แต่มีเพียงพระคริสต์เท่านั้นที่ตายเพื่อพวกท่าน”
ตรวจสอบการสรุปของคุณ พิจารณาคำถามต่อไปนี้โดยใช้รายละเอียดที่คุณได้มาจากการสังเกต
ฉันได้พิจารณาถึงสถานการณ์เดิมของงานเขียนนี้อย่างเพียงพอแล้วหรือยัง?
ผู้เขียนมีความกังวลและจุดประสงค์อะไรในการเขียนพระคัมภีร์ตอนนี้?
การตีความข้อความของฉันสอดคล้องกับใจความสำคัญของพระธรรมนี้หรือไม่?
การตีความของฉันทำให้พระคัมภีร์ตอนนี้มีบทบาทที่เหมาะสมในพระธรรมหรือไม่?
จุดเน้นโครงสร้างของพระคัมภีร์ตอนนี้สอดคล้องกับบทสรุปของฉันหรือไม่?
ความหมายของแต่ละข้อความในพระคัมภีร์ตอนนี้สนับสนุนบทสรุปของฉันหรือไม่?
ฉันกำลังตีความการใช้คำศัพท์สำคัญของผู้เขียนได้อย่างเหมาะสมหรือไม่?
ในพระคัมภีร์ตอนนั้น จงหาหลักการหนึ่งอย่างที่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกยุคสมัยและกับทุกคน (พระคัมภีร์หนึ่งตอนอาจสอนหลักการหลายอย่าง แต่สำหรับการฝึกปฏิบัติ ให้เลือกมาหนึ่งอย่าง) ระบุหลักการนั้นในประโยคเดียว
หนึ่งในหลักการที่พบได้ใน เอเฟซัส 4:25 คือ “จงพูดความจริงในการสื่อสารทุกครั้ง”
จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลักการที่คุณพบนั้นสะท้อนถึงข่าวสารดั้งเดิมของข้อความนั้นอย่างถูกต้องแม่นยำ:
หลักการนี้สอนไว้อย่างชัดเจนในข้อความนี้ไหม?
หลักการนี้สอดคล้องกับพระคัมภีร์ส่วนที่เหลือไหม?
หลักการนี้เป็นจริงสำหรับทุกยุคสมัยและกับทุกคนหรือไม่?
เชื่อมโยงหลักการกับความจริงอย่างอื่น
มีความจริงที่เชื่อมโยงกันอะไรบ้างที่เปิดเผยในตอนอื่นของพระคัมภีร์?
ความจริงนี้ช่วยเพิ่มพูนความรู้ของเราได้อย่างไร?
การตีความของฉันจะต้องแก้ไขอะไรไหมเมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งหมดของพระคัมภีร์?
ความจริงนี้ดูเหมือนขัดแย้งกับพระคัมภีร์ตอนอื่นไหม? หากเป็นเช่นนั้น จะสามารถทำให้สอดคล้องกันได้หรือไม่?
หลักการที่คุณพบสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายวิธี ให้ทำการประยุกต์ใช้ที่ร่วมสมัยอย่างหนึ่งแบบเจาะจง
มีสถานการณ์ใดในสมัยใหม่ที่ความจริงนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้?
เมื่อใด ที่ไหน และกับใครที่ข้อความนี้มีความเกี่ยวข้อง?
ความจริงนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเชิงปฏิบัติและตลอดจนในเชิงแนวคิดได้อย่างไร?
ถ้าฉันประยุกต์ใช้พระคัมภีร์ตอนนี้อย่างจริงจัง ชีวิตของฉันจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์นำคุณให้ดำเนินตามพระวจนะของพระเจ้าในทุกๆ วันของชีวิต
เมื่อตีความจดหมายฝากในพันธสัญญาใหม่ เราเริ่มต้นโดยการสังเกตให้มากที่สุดเกี่ยวกับจดหมาย จากนั้นเราก็ศึกษาจดหมายเพื่อกำหนดว่าเนื้อหาที่ต้องการสื่อคืออะไร และเราก็จบลงด้วยการประยุกต์ใช้หลักการกับโลกที่เราอยู่ เส้นทางแห่งการตีความนี้นำพาเราจากโลกของผู้รับดั้งเดิมไปยังผู้อ่านในยุคสมัยใหม่
ฝึกปฏิบัติร่วมกัน
► ทำงานร่วมกันในชั้นเรียนโดยใช้กระบวนการตีความสำหรับ 1 ยอห์น 2:15-17 นอกเหนือจากคำถามและกระบวนการตีความที่อธิบายไว้ข้างต้น อย่าลืมพิจารณาลักษณะเฉพาะของจดหมายในพันธสัญญาใหม่ตามรูปแบบวรรณกรรม (ดูบทที่ 6)
ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง
► ให้นักศึกษาแต่ละคนเลือกพระคัมภีร์ตอนใดตอนหนึ่งต่อไปนี้เพื่อเข้าสู่กระบวนการตีความ จากนั้นให้นักศึกษาแบ่งปันข้อสรุปร่วมกันกับสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่ม
โรม 13:8-10
เอเฟซัส 6:18-20
2 ทิโมธี 4:6-8
ยากอบ 3:13-18
1 เปโตร 2:9-10
เมื่อเราตีความกฎบัญญัติในพันธสัญญาเดิม ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่ากฎบัญญัตินั้นมีความหมายต่อผู้ฟังดั้งเดิมอย่างไร เราต้องพิจารณาความแตกต่างระหว่างสถานการณ์ของพวกเขากับสถานการณ์ของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแตกต่างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าเรากำลังดำเนินชีวิตภายใต้พันธสัญญาใหม่ ในกฎบัญญัติของพันธสัญญาเดิม เราต้องสังเกตแยกแยะหลักการที่ประยุกต์ใช้ได้กับทุกคนในทุกยุคสมัย จากนั้นเราจึงสามารถนำหลักการนั้นมาประยุกต์ใช้ในชีวิตของเราได้
ฝึกปฏิบัติร่วมกัน
► ทำงานร่วมกันในชั้นเรียนโดยใช้กระบวนการตีความสำหรับ กันดารวิถี 15:37-41 นอกเหนือจากคำถามและกระบวนการตีความที่อธิบายไว้ข้างต้น อย่าลืมพิจารณาลักษณะเฉพาะของกฎบัญญัติในพันธสัญญาเดิมตามรูปแบบวรรณกรรมและใช้คำถามที่ให้ไว้ในบทที่ 6
ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง
► ให้นักศึกษาแต่ละคนเลือกพระคัมภีร์ตอนใดตอนหนึ่งต่อไปนี้เพื่อเข้าสู่กระบวนการตีความ จากนั้นให้นักศึกษาแบ่งปันข้อสรุปร่วมกันกับสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่ม
เลวีนิติ 19:9-10
อพยพ 20:4-6
อพยพ 22:10-13
เฉลยธรรมบัญญัติ 14:1-2
บทที่ 10 งานมอบหมาย
ในบทที่ 1 คุณเลือกพระคัมภีร์ตอนหนึ่งจากพระคัมภีร์เหล่านี้
เฉลยธรรมบัญญัติ 6:1-9
โยชูวา 1:1-9
มัทธิว 6:25-34
เอเฟซัส 3:14-21
โคโลสี 3:1-16
คุณได้ฝึกแต่ละขั้นตอนบนเส้นทางแห่งการตีความแล้ว ขอให้คุณศึกษาพระคัมภีร์ตอนที่เลือกไว้ เมื่อทำเสร็จแล้ว ให้เตรียมนำเสนอการศึกษาของคุณในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งต่อไปนี้
1. หากคุณเรียนหลักสูตรนี้ร่วมกันเป็นกลุ่ม คุณควรทำการนำเสนอที่แบ่งปันถึงการศึกษาของคุณดังนี้ (1) แสดงถึงการสังเกตของคุณ (2) สอนหลักการต่างๆ จากเนื้อหา และ (3) แสดงถึงวิธีที่เนื้อหานั้นประยุกต์ใช้กับผู้เชื่อในปัจจุบัน
2. หากคุณศึกษาตามลำพัง ขอให้เขียนอธิบายสิ่งต่อไปนี้มา 5-6 หน้ากระดาษ (1) การสังเกตของคุณ (2) หลักการต่างๆ ที่สอนไว้ในเนื้อหาตอนนั้น และ (3) การประยุกต์ใช้สำหรับผู้เชื่อในปัจจุบัน
SGC exists to equip rising Christian leaders around the world by providing free, high-quality theological resources. We gladly grant permission for you to print and distribute our courses under these simple guidelines:
All materials remain the copyrighted property of Shepherds Global Classroom. We simply ask that you honor the integrity of the content and mission.
Questions? Reach out to us anytime at info@shepherdsglobal.org
Total
$21.99By submitting your contact info, you agree to receive occasional email updates about this ministry.
Download audio files for offline listening
No audio files are available for this course yet.
Check back soon or visit our audio courses page.
Share this free course with others