บทนำ
บทเรียนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกันกับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่เกี่ยวข้องกับระดับต่าง ๆ ของอิทธิพล
Search through all lessons and sections in this course
Searching...
No results found
No matches for ""
Try different keywords or check your spelling
1 min read
by Stephen Gibson
บทเรียนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกันกับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่เกี่ยวข้องกับระดับต่าง ๆ ของอิทธิพล
ผู้นำบางคนมีข้อจำกัดในการพัฒนาตัวเอง ข้อจำกัดนี้เป็นอุปสรรคทำให้ผู้นำไม่พร้อมที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงกว่า หรืออาจขัดขวางทำให้เขาไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีในตำแหน่งที่อยู่ในปัจจุบัน
ด้านล่างนี้คือตัวอย่างของผู้นำที่สมมติขึ้นซึ่งมีข้อจำกัดในการเป็นผู้นำ
คาร์ลมีปัญหาส่วนตัว (เช่นการเงินหรือความสัมพันธ์ในครอบครัว) ที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้ เขาไม่สามารถจดจ่อกับงานขององค์กรเพราะปัญหาเหล่านี้ งานของเขาถูกแทรกแซงด้วยวิกฤติทางบ้านเสมอ
แทนที่จะนำ วิลเลียมโทษคนอื่นเกี่ยวกับความล้มเหลวขององค์กร เขารอให้คนอื่นตัดสินใจแทนที่เขาจะตัดสินใจ และคิดว่าไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขาที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ เขาอธิบายว่าความล้มเหลวขององค์กรเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา
แซลลี่ไม่เต็มใจที่จะพัฒนาตัวเอง ปฏิเสธที่จะรับผิด และโกรธเมื่อมีคำถามเกิดขึ้นเกี่ยวกับความสามารถของเธอ
มาร์ตินรู้สึกพอใจกับองค์กรของเขา เขามองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาอะไร และไม่ใส่ใจต่อการเปลี่ยนแปลงใด ๆ องค์กรของเขาจะไม่มีประสิทธิภาพเมื่อโลกเปลี่ยนไป
[1]โรนัลด์คิดว่าเขาเป็นผู้นำคนเดียวที่องค์กรต้องการ เขาคาดหวังว่าทุกคนจะทำตามคำสั่งของเขาอย่างง่ายดาย เขาไม่ต้องการทีม เขาต้องการผู้ช่วย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนไม่ช่วยเขาเพิ่มขึ้นอีก
เอลวิสเริ่มต้นองค์กรด้วยวิธีที่ให้ผลประโยชน์แก่ตัวเขาและแสดงความยิ่งใหญ่ของเขา เขาไม่ได้วางแผนให้องค์กรยิ่งใหญ่ได้โดยปราศจากเขา
พอลขาดคุณลักษณะชีวิต เมื่อเขาอยู่ใต้ความกดดัน เขาสัญญาในสิ่งที่เขาไม่สามารถทำตามสัญญาได้ เขาใช้เงินที่ให้กับคนอื่น พลาดการนัดหมาย และพูดโกหก บางครั้งทีมของเขาต้องขายหน้าเพราะชื่อเสียงของเขา
ไม่ช้านานผู้นำเหล่านี้ก็จะมาถึงขีดจำกัดของศักยภาพของตัวเอง พวกเขาไม่สามารถนำได้ดีกว่านี้เว้นเสียแต่ว่าจะยอมรับความจริงและกำจัดข้อจำกัดส่วนตัวของตัวเองออกไป ถ้าพวกเขาไม่เต็มใจเปลี่ยนแปลง องค์กรของพวกเขาก็ไม่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ไปจนกว่าพวกเขาจะออกไปจากองค์กร
► พิจารณาถึงผู้นำที่สมมติขึ้นมาแต่ละคนข้างต้น ถามคำถามว่า “______ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไรก่อนที่จะองค์กรของเขาจะพัฒนาก้าวหน้าได้?”
“ข้าพเจ้าไม่กลัวฝูงสิงโตที่นำด้วยแกะตัวหนึ่ง ข้าพเจ้ากลัวฝูงแกะที่นำโดยสิงโตหนึ่งตัว”
- อเล็กซานเดอร์ เดอะ เกรท
ซาอูลเริ่มต้นได้ดีในฐานะกษัตริย์แห่งอิสราเอล เขาเป็นคนถ่อมตัวและคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ บางคนถึงกับปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขาเป็นกษัตริย์
หลังจากชัยชนะในการรบครั้งแรกของซาอูล บางคนต้องการฆ่าผู้คนที่ปฏิเสธซาอูลในตอนแรก ซาอูลกล่าวว่าพระเจ้าเป็นผู้ประทานชัยชนะ และไม่ใช่เวลาสำหรับการแก้แค้น เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เขาไม่ได้รักษาท่าทีเช่นนี้ไว้ได้นาน
ในไม่ช้าซาอูลก็ไม่เชื่อฟังพระเจ้า เมื่อผู้เผยพระวจนะเผชิญหน้ากับเขา ซาอูลโทษประชาชน แทนที่จะรับผิดชอบในฐานะผู้นำ (1 ซามูเอล 15:21) ผู้เผยพระวจนะบอกซาอูลว่าพระเจ้าจะประทานอาณาจักรให้คนอื่นที่เชื่อฟัง
ตลอดรัชสมัยของซาอูล เขาปรารถนาจะกุมอำนาจเอาไว้ เขาไม่เคยกลับใจและไม่เคยพยายามทำให้พระเจ้าพอพระทัยอีก เขาไม่เคยยอมรับความจริงที่ว่าพระเจ้ากำลังนำคนมาแทนที่เขา ถ้าเขากลับใจ จิตวิญญาณของเขาจะได้รับการช่วยให้รอด เขาสามารถรับใช้ในฐานะกษัตริย์ได้จนกว่าพระเจ้าจะทรงนำคนอื่นมาแทน และเขาจะจบงานได้อย่างมีเกียรติ ผู้นำเก่าแก่และอยู่มานานบางคนจบงานอย่างไร้เกียรติเพราะท่าทีที่พวกเขามีในช่วงหลายปีสุดท้าย พวกเขาต่อสู้เพื่อตำแหน่งของตัวเองเมื่อพวกเขาไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้อีกต่อไป
ในหนึ่งวันของการสู้รบ ซาอูลกล่าวว่า “ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้กินจนกว่าการต่อสู้จะสิ้นสุดลง เพื่อข้าจะสามารถแก้แค้นศัตรูของข้าได้” (1 ซามูเอล 14:24) คำสั่งนั้นไม่ฉลาดเพราะหลังจากการต่อสู้หลายชั่วโมงทุกคนก็หมดแรง คำสั่งนั้นแสดงให้เห็นถึงการจดจ่อกับตัวเอง ในใจของเขาคิดว่า การต่อสู้นั้นเพื่อตัวเขาเอง
ซาอูลไม่มั่นใจมากจนไม่สามารถยอมรับความผิดพลาดได้ เขาเกือบจะประหารโยนาธานลูกชายของเขาเพราะไม่เชื่อฟังคำสั่ง แม้การกระทำของโยนาธานนำมาซึ่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ก็ตาม
ในสงครามอื่น ซาอูลกำลังรอให้ซามูเอลมาถวายเครื่องบูชาและอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า เวลาผ่านไปหลายวัน คนของซาอูลจำนวนมากจากไปเพราะความกลัว ซาอูลตัดสินใจถวายเครื่องบูชาด้วยตนเอง แม้ว่าจะมีเพียงปุโรหิตเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้าให้ทำได้ ในระหว่างพิธีนั้นซามูเอลก็มาถึง เขาตำหนิซาอูล แต่ซาอูลรบเร้าให้ซามูเอลทำพิธีต่อให้เสร็จเพื่อประชาชนจะได้ไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติ (1 ซามูเอล 15:30) ซาอูลกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของฝูงชนมากกว่าการยอมรับจากพระเจ้า
ซาอูลอิจฉาความสำเร็จของคนอื่น โดยเฉพาะดาวิด เขาใช้เวลาและทรัพยากรส่วนใหญ่ในการไล่ล่าดาวิด แม้ว่าดาวิดไม่ได้ทำอันตรายใด ๆ แก่เขาเลยก็ตาม
เขาสงสัยและบ่นเกี่ยวกับความไม่ซื่อสัตย์ของผู้คนของเขา เพราะความสงสัยของเขา เขาจึงเชื่อเรื่องโกหกเกี่ยวกับคนอื่น (1 ซามูเอล 24:9) เขาฟังที่ปรึกษาที่ผิด เขาบ่นว่าทุกคนต่อต้านเขาและไม่มีใครให้ข้อมูลที่เขาต้องการ (1 ซามูเอล 22:8)
โยนาธาน บุตรชายของซาอูลแตกต่างจากบิดาอย่างมาก เขาตระหนักว่าดาวิดจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปและยอมรับความจริงนั้น ซาอูลไม่เข้าใจว่าทำไมโยนาธานไม่เกลียดดาวิด โยนาธานกับดาวิดเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก โยนาธานมีความเชื่อในพระเจ้าซึ่งทำให้เขามั่นใจที่จะบรรลุชัยชนะอันยิ่งใหญ่แม้หลังจากซาอูลสูญเสียความเชื่อไปแล้วก็ตาม น่าเศร้าที่โยนาธานถูกฆ่าตายในสนามรบเพราะความผิดพลาดของพ่อ
ซาอูลอยู่ในภาวะสงครามมาตลอดชีวิต เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นชายคนหนึ่งที่ดูเข้มแข็ง เขาก็บังคับให้เขาเข้าร่วมกองทัพของเขา (1 ซามูเอล 14:52) นี่หมายความว่าเขามักจะยัดเยียดความประสงค์ของเขาให้กับทุกคนเสมอโดยไม่คำนึงถึงความต้องการของคนเหล่านั้น เขาไม่เคยคิดว่าเขามีความช่วยเหลือเพียงพอ สิ่งนี้ทำให้ผู้คนหลีกหนีจากซาอูล
เรามองเห็นความแตกต่างอย่างมากระหว่างซาอูลกับดาวิด ดาวิดดึงดูดเหล่าวีรบุรุษ แต่ผู้คนหลีกหนีจากซาอูล วีรบุรุษของดาวิดรักดาวิดมากจนบางคนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาน้ำจากสถานที่ที่เขารักมาให้เขา ซาอูลมักบ่นว่าประชาชนของเขาไม่ซื่อสัตย์พอ แต่เขากลับไม่ไว้วางใจดาวิดผู้ที่จงรักภักดีอย่างแท้จริง
[1]จอห์น แม็กซ์เวลล์ อธิบายถึงระดับอิทธิพลของความเป็นผู้นำ[2] ระดับเหล่านี้ไม่ได้หมายถึงระดับตามตำแหน่ง บุคคลที่อยู่ในตำแหน่งใด ๆ อาจมีอิทธิพลในระดับใดระดับหนึ่งเหล่านี้ เมื่อเวลาผ่านไป ผู้นำที่ดีเป็นพิเศษจะก้าวผ่านระดับเหล่านี้ได้แม้ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งเดิมก็ตาม
(1) ผู้นำที่อยู่ในตำแหน่ง
ความเป็นผู้นำของบุคคลอาจเริ่มต้นด้วยตำแหน่ง หลายคนที่อยู่ในตำแหน่งคิดเอาเองว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติมเพื่อเป็นผู้นำ พวกเขาไม่ตระหนักว่าพวกเขาจำเป็นต้องได้รับความเชื่อมั่นจากคนของพวกเขา ผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งที่กำหนดไว้มีแนวโน้มใช้สิทธิอำนาจเพื่อให้ได้ความร่วมมือ พวกเขาอาจใช้สิ่งจูงใจ เช่น การจ่ายเงินและการลงโทษมากกว่าที่จะชักชวนให้ผู้คนร่วมในเป้าหมายของพวกเขา รูปแบบการเป็นผู้นำแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ผู้นำในตำแหน่งใหม่ควรแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมขององค์กร เขาไม่ควรเสนอความคิดและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ โดยไม่แสดงว่าเขาเห็นคุณค่าของสิ่งที่เคยทำมาก่อน เขาควรแสดงให้เห็นว่าเขาร่วมในค่านิยมขององค์กร
ผู้นำควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้คนมีสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำได้ดีในตำแหน่งของพวกเขา ผู้นำควรทำมากกว่าที่ผู้คนคาดหวังให้เขาทำตามความรับผิดชอบในตำแหน่งของเขา เขาควรสร้างการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่คนส่วนใหญ่ยอมรับว่าดี
(2) ผู้นำที่ผู้คนยอมรับ
ระดับนี้เรียกว่า “ยอมรับ” เพราะตอนนี้ผู้คนอยากติดตามผู้นำ ผู้นำมาถึงระดับนี้ได้โดยการพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้คนของเขา เขาแสดงความสนใจส่วนตัวต่อชีวิตของผู้คน แทนที่จะสนใจแค่งาน เขาปกป้องคนเหล่านั้นจากการปฏิบัติอย่างไม่สมควรจากองค์กร เขาหาวิธีช่วยให้คนเหล่านั้นประสบความสำเร็จเป็นการส่วนตัว
(3) ผู้นำที่สร้างผลลัพธ์ที่ดี
เมื่อผู้นำอยู่ในระดับที่สาม ผู้คนไม่เพียงติดตามเพราะความสัมพันธ์ แต่เพราะผลลัพธ์ที่ดี การกระทำของผู้นำช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย ดังนั้นผู้คนจึงร่วมมือกันเพราะพวกเขาชอบสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านทางผู้นำ เพราะผู้นำ องค์กรจึงประสบความสำเร็จ และผู้คนก็ประสบความสำเร็จเป็นการส่วนตัวด้วย ในระดับนี้ ผู้นำกำลังสื่อสารเป้าหมาย กำหนดเส้นทาง และรักษาความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองและการกระทำของผู้คนของเขาเสมอ
(4) การพัฒนาบุคลากร
ระดับที่สี่คือการพัฒนาบุคลากร คือระดับที่บางคนกำลังกลายเป็นผู้นำที่สัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้นำ พวกเขาเชื่อในผลลัพธ์ที่ผู้นำได้รับ พวกเขามีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับผู้นำ และพวกเขากำลังได้รับความสมหวังในชีวิตส่วนตัว ในระดับนี้ ผู้นำควรลงทุนกับคน 20% ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เขาควรจะสร้างกลุ่มคนที่ช่วยเขาเป็นผู้นำ
(5) ความเป็นบุคคล
ระดับที่ห้าของแม็กซ์เวลล์เรียกว่า “ความเป็นบุคคล” เพราะผู้นำได้กลายเป็นบุคคลที่รู้จักซึ่งผู้คนติดตามเพราะความเป็นบุคคลของเขา เขาเป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงดีและผู้คนติดตามเขาก่อนที่พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับเขา
“ความรับผิดชอบถูกมอบให้กับคนที่ไว้ใจได้ ความรับผิดชอบเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความไว้วางใจ”
- เจมส์ แคช เพ็นนี
ผู้นำจะไม่อยู่ในระดับเดียวกันกับผู้คนของเขา ตัวอย่างเช่น คนของเขาบางคนอาจทำตามเพียงเพราะเขาอยู่ในตำแหน่งแห่งสิทธิอำนาจ (ผู้นำที่อยู่ในตำแหน่ง) ในขณะที่คนอื่นให้ความร่วมมือเพราะเห็นว่าการเป็นผู้นำของเขาให้ผลลัพธ์ที่ดี (ผู้นำที่สร้างผลลัพธ์ที่ดี)
ผู้นำควรประเมินระดับของตนเองและตระหนักว่าเขาจำเป็นต้องทำอะไรเพื่อไปยังระดับถัดไป เขาไม่ควรพอใจที่จะอยู่ในระดับที่เขาประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก ตัวอย่างเช่น ผู้นำบางคนพอใจที่จะอยู่ในระดับที่สอง ซึ่งพวกเขาเป็นที่ชื่นชอบของคนที่พวกเขานำ ผู้นำควรมุ่งสู่ความเป็นผู้นำในระดับที่สูงขึ้นเสมอ
บางครั้งผู้นำที่กำลังพัฒนาย้ายจากองค์กรหนึ่งไปอีกองค์กรหนึ่ง แม้แต่ผู้นำที่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งเคยรับใช้ในที่แห่งหนึ่งมาเป็นเวลานานก็อาจโยกย้ายได้
ผู้นำจะรู้ได้อย่างไรว่าเวลาไหนเหมาะสมที่จะจากไป?
บางครั้งผู้นำพันธกิจรู้ว่าพระเจ้ากำลังเรียกเขาให้ไปทำพันธกิจในอีกที่หนึ่ง พระเจ้าสามารถเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์อย่างชัดเจน ไม่ควรพึ่งอาศัยความรู้สึกภายในเท่านั้น แต่ควรมีการยืนยันทิศทางจากพระเจ้าด้วย โดยปกติแล้วถ้าพระเจ้ากำลังนำให้มีการเปลี่ยนแปลง พระองค์จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เป็นพิเศษ หรือจัดเตรียมหนทางเพื่อยืนยันการนำของพระองค์
มีสิ่งอื่น ๆ ให้พิจารณาเมื่อต้องตัดสินใจว่าจะจากไปหรือไม่
อย่าจากไปเพราะคุณไม่เต็มใจอยู่ใต้สิทธิอำนาจ
อย่าไปรับตำแหน่งใหม่เพราะได้เงินมากขึ้น
อย่าไปองค์กรใดที่เรียกร้องให้คุณประนีประนอมต่อความเชื่อหรือจริยธรรมของคุณ
อย่าละเมิดลำดับความสำคัญของครอบครัวเพื่อเห็นแก่โอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง จัดเตรียมคริสตจักรที่ดีและโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมดีให้กับครอบครัวของคุณหากเป็นไปได้ การโยกย้ายควรเป็นผลดีสำหรับครอบครัวของคุณด้วย
ตำแหน่งใหม่ควรมีการขยายศักยภาพในการพัฒนาความเป็นผู้นำ ตำแหน่งใหม่ควรตรงกับความสามารถและศักยภาพของคุณ
พยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่คุณกำลังจะจากไป แม้คุณจะคิดว่าพวกเขาทำผิดกับคุณ ก็อย่าพูดรุนแรงกับพวกเขา เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาอาจจำคุณสมบัติที่ดีของคุณและลืมความผิดพลาดของคุณไป คุณอาจจะได้ติดต่อกับพวกเขาอีกครั้ง และพวกเขาอาจจะสามารถช่วยคุณได้ในอนาคต อย่าสร้างศัตรู
ตัวอย่างที่ไม่ดี…
เดมาสเดินทางไปทำพันธกิจร่วมกับอัครทูตเปาโล เขาอยู่ในทีมของมิชชันนารีที่นำข่าวประเสริฐไปยังดินแดนใหม่ซึ่งไม่คุ้นเคย เขาได้เห็นการอัศจรรย์และผู้คนหลายพันกลับใจมาเชื่อ คริสตจักรใหม่ ๆ ได้ถูกก่อตั้ง มีเครือข่ายเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ทุกเมือง
น่าเศร้าที่เดมาสไม่ตระหนักถึงโอกาสอันดีเลิศที่เขามี เปาโลกล่าวว่า “เพราะว่าเดมาสหลงรักโลกนี้ และทิ้งข้าพเจ้าไปยังเมืองเธสะโลนิกาแล้ว” (2 ทิโมธี 4:10)
เราดูที่คำอธิบายของ จิม คอลลินส์ เกี่ยวกับระดับการเป็นผู้นำในบทเรียนเรื่องการเป็นผู้รับใช้ (บทที่ 5) ในบทนั้นเราได้ศึกษาคุณลักษณะพิเศษของผู้นำระดับ 5
ในบทนี้ เราจะมาดูความแตกต่างระหว่างระดับต่างๆ นี่คือคำอธิบายของคอลลินส์เกี่ยวกับความเป็นผู้นำห้าระดับ ถ้อยคำได้รับการแก้ไขและเพิ่มคำอธิบายเข้าไป
ระดับที่ 1: บุคคลที่มีความสามารถสูง
บุคคลนี้ผลิตผลงานได้ดีเพราะมีความสามารถ มีความรู้ ทักษะ และนิสัยที่ดีในการทำงาน บุคคลนี้อาจไม่ได้อยู่ในตำแหน่งผู้นำ แต่เขามีอิทธิพลเพราะการทำงานที่ดีของเขา
ระดับที่ 2: สมาชิกทีมที่มีส่วนร่วม
บุคคลนี้ช่วยให้กลุ่มบรรลุเป้าหมายและทำงานได้ดีกับกลุ่ม เขาอาจไม่ใช่หัวหน้ากลุ่ม แต่เขามีอิทธิพลต่อกลุ่มด้วยการมีส่วนร่วมของเขา
ระดับที่ 3: ผู้จัดการที่มีความสามารถ
บุคคลนี้จัดระเบียบผู้คนและทรัพยากรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เขาไม่ได้เป็นคนตั้งเป้าหมาย แต่ยอมรับเป้าหมายที่ผู้นำตั้งไว้ เขาดูแลทรัพยากรที่มีอยู่และทำงานในองค์กรของเขา
ระดับที่ 4: ผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
ผู้นำช่วยคนในองค์กรพัฒนาและแบ่งปันวิสัยทัศน์ เขาช่วยคนเหล่านั้นตั้งเป้าหมาย กระตุ้นให้พวกเขามุ่งมั่นและทุ่มเทพลังให้กับการบรรลุวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เขาไม่เพียงแค่จัดการสิ่งที่มี เขารับผิดชอบต่อความสำเร็จขององค์กรโดยการสรรหาความช่วยเหลือ ค้นพบทรัพยากร และแก้ไขวัตถุประสงค์
ระดับที่ 5: ผู้บริหารระดับ 5
บุคคลนี้มีคุณลักษณะของผู้นำระดับ 4 แต่ยังมีคุณลักษณะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งอีกด้วย เนื่องจากการอุทิศตนเพื่อองค์กร เขามีความอ่อนน้อมถ่อมตนและความมุ่งมั่น เขาสร้างหน่วยงานให้มีความยิ่งใหญ่ในระยะยาว
ดาวิดเป็นเลิศในหลายบทบาท เขาเป็นผู้เลี้ยงแกะ เป็นผู้ประพันธ์เพลง เป็นนักร้อง นักเล่นพิณ ผู้นำนมัสการ ผู้เผยพระวจนะ นักสู้ นายพล และกษัตริย์
ดาวิดเป็นลูกชายคนเล็กสุดในครอบครัวใหญ่ เป็นเรื่องยากที่ลูกคนเล็กจะกลายมาเป็นผู้นำยิ่งใหญ่ ครอบครัวไม่ได้คาดหวังความเป็นผู้นำจากเขาเลย แต่พระเจ้าเลือกเขา
งานอย่างแรกของดาวิดคือเป็นผู้เลี้ยงแกะ ดูเหมือนจะไม่ใช่งานสำคัญ แต่มันเป็นงานที่เตรียมเขาให้พร้อมสำหรับสิ่งสำคัญกว่า ความรับผิดชอบของเขานั้นดีเยี่ยมมากจนเขาไม่วิ่งหนีจากอันตราย เขาพึ่งพาพระเจ้าสำหรับพละกำลังเพื่อทำให้หน้าที่รับผิดชอบของเขาสำเร็จ เขาฆ่าสิงโตและหมีด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า
เช่นเดียวกับผู้นำที่มีศักยภาพทุกคน ดาวิดได้รับการฝึกฝนก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่ากำลังได้รับการฝึกฝน ชัยชนะของเขาพัฒนาเขาให้เป็นคนที่มีความมั่นใจในพระเจ้า เขากลายเป็นผู้นำที่ไม่ยอมให้ความกลัวหยุดการทำงานของเขา
ลองนึกภาพว่าชีวิตของดาวิดจะเปลี่ยนไปอย่างไรถ้าเขาเอาจริงเอาจังกับการปกป้องแกะน้อยลง เขาจะหนีไปเมื่อสิงโตหรือหมีมา ต่อมาเมื่อเขาได้ยินคำท้าของโกลิอัท เขาคงไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่
พระเจ้าส่งซามูเอลมาเจิมดาวิด การเจิมหมายความว่าพระเจ้าได้เลือกเขา และพระเจ้าจะให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษเพื่อให้เขาทำตามการทรงเรียก เมื่อบิดาของดาวิดแปลกใจที่ซามูเอลไม่ได้เลือกพี่ชายคนใด ซามูเอลกล่าวว่า “เพราะมนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก แต่พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรจิตใจ” (1 ซามูเอล 16:7) หลายครั้งที่พระเจ้าทำให้ผู้คนประหลาดใจกับบุคคลที่พระองค์ทรงเลือกให้เป็นผู้นำ
ความท้าทายยิ่งใหญ่ที่มาถึงดาวิดในช่วงตอนต้นของชีวิตคือโอกาส อย่างไรก็ตาม มีเพียงบุคคลที่มีทัศนคติแบบดาวิดเท่านั้นที่จะรับรู้ถึงโอกาสเหล่านี้ คนหลายพันคนได้ยินคำท้าของโกลิอัท แต่มีเพียงดาวิดเท่านั้นที่เห็นว่านี่เป็นโอกาส เขาได้รับแรงจูงใจจากการเสนอรางวัล แต่ยิ่งกว่านั้นเขาต่อสู้เพื่อพระสิริของพระเจ้า เขากล่าวว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่ชาวฟีลิสเตียคนนี้กำลังท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่?”
ความเป็นผู้นำมีอิทธิพล ในวันที่ดาวิดสังหารโกลิอัท เขาเป็นหัวหน้ากองทัพที่แท้จริง เพราะกองทัพเคลื่อนพลหลังจากชัยชนะของเขา ชัยชนะของดาวิดทำให้พวกทหารเชื่อว่าพวกเขาสามารถมีชัยชนะได้
ดาวิดได้มาเป็นทหารของซาอูล เขาประพฤติอย่างชาญฉลาดและอิทธิพลของเขาเพิ่มขึ้น (1 ซามูเอล 18:14) แม้ว่าซาอูลเป็นผู้นำที่ล้มเหลวซึ่งปฏิบัติต่อดาวิดอย่างไม่ยุติธรรม ดาวิดก็ยังภักดี นี่เป็นช่วงเวลาที่พัฒนาคุณลักษณะชีวิตของดาวิดให้ดีมากขึ้น บ่อยครั้งผู้นำที่มีศักยภาพซึ่งมีความสามารถมากจะได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ดีจากผู้นำที่มีอายุมากกว่าที่ล้มเหลว ผู้นำหนุ่มถูกล่อลวงให้ใจร้อนและพยายามแสดงความเคารพจากผู้นำที่มีอายุมากกว่า ผู้นำรุ่นน้องถูกล่อลวงให้ใจร้อนและเลิกเคารพนับถือผู้นำที่มีอายุมากกว่า
เมื่อซาอูลพยายามฆ่าดาวิด ดาวิดซ่อนตัวอยู่ในภูเขา มีบุรุษหลายคนมาสมทบกับดาวิดเพราะสภาพที่อยู่ภายใต้ซาอูลนั้นย่ำแย่ (1 ซามูเอล 22:2) แม้ว่าซาอูลจะถือว่าพวกเขาเป็นคนที่หนีกฎหมาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นโจร พวกเขายังคงต่อสู้กับพวกศัตรูของอิสราเอล แม้กระนั้นซาอูลก็ยังถือว่าพวกเขาเป็นศัตรูและใช้เวลามากในการไล่ล่าพวกเขา
ดาวิดช่วยปกป้องชาวนาและเจ้าของฝูงสัตว์จากโจร (1 ซามูเอล 25:14-16) ครั้งหนึ่งเขาส่งคนไปขออาหารจากทุ่งเลี้ยงสัตว์ที่พวกเขาได้ปกป้องไว้ นาโบธผู้เป็นเจ้าของฝูงสัตว์กลับดูหมิ่นคนเหล่านั้นที่มา โดยบอกว่าพวกเขาเป็นคนรับใช้ที่ละทิ้งเจ้านายไป และไม่ได้ให้อาหารแก่พวกเขา ดาวิดโกรธมากและนำคนไปเพื่อฆ่านาโบท ระหว่างทางไปที่นั่น เขาได้พบกับอาบีกายิล ภรรยาของนาโบท ผู้มาเพื่อสร้างสันติ เธอเตือนให้ดาวิดระลึกว่า จนถึงขณะนี้เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงเพื่อตัวเองเลย เธอกล่าวว่า “สักวันท่านจะเป็นกษัตริย์ ขออย่าได้ทำสิ่งที่ทำลายชื่อเสียงของท่านในฐานะผู้ชอบธรรมเลย” (1 ซามูเอล 25:30-31) ดาวิดฟังคำแนะนำของเธอ
ดาวิดได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่เกิดขึ้นจนเป็นเวลานาน เขาถูกลองใจให้พยายามเข้ายึดอำนาจโดยใช้กำลัง แทนที่จะทำเช่นนั้น เขากลับรอคอยและวางใจในพระเจ้า เพราะความถ่อมใจและวางใจในพระเจ้า ดาวิดจึงกลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่
อนุญาตให้นักศึกษาแบ่งปันว่าพวกเขาคาดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงเป้าหมายหรือการกระทำหลังจากได้เรียนบทเรียนนี้อย่างไรบ้าง
1. เขียนสรุปหนึ่งย่อหน้าเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากบทเรียนนี้ อธิบายเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ สิ่งนี้ให้ประโยชน์อะไรบ้าง? จะมีผลเสียอะไรเกิดขึ้นหากไม่รู้เรื่องนี้?
2. อธิบายวิธีที่คุณจะนำหลักการต่าง ๆ จากบทเรียนนี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตของคุณเอง บทเรียนนี้เปลี่ยนเป้าหมายของคุณอย่างไรบ้าง? คุณมีแผนที่จะเปลี่ยนการกระทำของคุณอย่างไรบ้าง?
3. เรียนรู้จากผู้นำห้าระดับที่แม็กซ์เวลล์ได้อธิบายไว้ และผู้นำห้าระดับที่โคลลินส์อธิบายไว้ เตรียมเขียนสิ่งเหล่านี้จากการท่องจำในช่วงเริ่มต้นของชั่วโมงเรียนถัดไป
4. ก่อนถึงชั่วโมงเรียนถัดไปอ่าน 1 พงศ์กษัตริย์ 12 มีผู้นำสองคนที่ถูกกล่าวถึงในบทนี้ ขอให้เขียนความผิดของผู้นำทั้งสองคนนี้
SGC exists to equip rising Christian leaders around the world by providing free, high-quality theological resources. We gladly grant permission for you to print and distribute our courses under these simple guidelines:
All materials remain the copyrighted property of Shepherds Global Classroom. We simply ask that you honor the integrity of the content and mission.
Questions? Reach out to us anytime at info@shepherdsglobal.org
Total
$21.99By submitting your contact info, you agree to receive occasional email updates about this ministry.
Download audio files for offline listening
No audio files are available for this course yet.
Check back soon or visit our audio courses page.
Share this free course with others