คริสเตียนมากมายได้พยายามดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ด้วยตัวของพวกเขาเอง และพวกเขาก็ทำไม่ได้ การมีวินัยส่วนตัวอาจช่วยให้มีชัยชนะเหนือความบาปได้เพียงชั่วขณะ ด้วยกำลังของเราเองอาจทำให้เรารักเพื่อนบ้านได้เป็นครั้งคราว แต่ไม่ช้านานเราก็จะล้มเหลวไม่ว่าเราจะพยายามอย่างดีที่สุดแค่ไหนก็ตาม
ทำไมเราต้องใช้ความพยายาม? เพราะเราดิ้นรนที่จะดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ด้วยพละกำลังของเราเอง การพยายามดำเนินชีวิตคริสตียนด้วยกำลังของเราเองมันเหนื่อยยากมาก เราต้องฟันฝ่ากับท่าทีที่เป็นบาป เราต้องออกแรงต่อสู้กับการขาดความรัก เราพยายามดิ้นรนกับการมีใจโลเล เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ชีวิตในพระวิญญาณกลับเป็นชีวิตที่บริบูรณ์ไปด้วยชัยชนะ
พระเจ้าไม่เคยประสงค์ให้เราดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ด้วยความพยายามของเราเอง พระองค์สร้างเราเพื่อให้ดำเนินชีวิตในฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในคริสตจักรยุคแรก เป็นไปได้ที่จะมีชีวิตที่บริสุทธิ์ด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น ในคริสตจักรทุกวันนี้ เป็นไปได้ที่จะมีชีวิตที่บริสุทธิ์ด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น คุณสมบัติที่เด่นชัดของคริสตจักรยุคแรกจะเป็นคุณสมบัติที่เด่นชัดของคริสตจักรในทุกวันนี้ได้ถ้าหากเราดำเนินในพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างเต็มเปี่ยม โดยฤทธิ์เดิชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราสามารถมีใจบริสุทธิ์และมือบริสุทธิ์
ฤทธิ์เดชในการรับใช้ ความกล้าหาญฝ่ายวิญญาณ ชัยชนะเหนือบาป และความเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้เชื่อ ทั้งหมดนี้มาจากการสถิตอยู่ด้วยของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเราเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ เราได้รับฤทธิ์เดชเพื่อดำเนินชีวิตคริสเตียนที่ครบบริบูรณ์อย่างที่พระเจ้าประสงค์ให้คนของพระองค์เป็น
จดหมายฝากของเปาโลแสดงให้เห็นว่าการเป็นคนบริสุทธิ์คือการเป็นเหมือนพระคริสต์ การเป็นคนบริสุทธิ์คือการคิด พูด และทำอย่างที่พระคริสต์ทำ นี่คือแนวคิดที่งดงาม แต่เราก็พบคำตอบอย่างรวดเร็วว่าโดยการพึ่งกำลังของเราเอง เราไม่สามารถคิด พูด หรือทำเหมือนพระคริสต์ได้เลย
[1] คริสเตียนบางคนติดสัญลักษณ์ WWJD บนเสื้อผ้าของพวกเขา WWJD มาจากประโยคว่า “พระเยซูจะทำอะไร?” ประโยคนี้เตือนให้เราระลึกว่าเราถูกเรียกให้ดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซู เราเลียนแบบพระคริสต์ แต่การใส่เสื้อที่มีสัญลักษณ์ WWJD ก็ง่ายกว่าการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซู ถ้าปราศจากฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราก็ไม่มีความสามารถทำสิ่งที่พระเยซูทำได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ผมสูงหกฟุตและหนักสองร้อยปอนด์ ผมไม่ใช่นักกีฬา นึกภาพว่าคุณมาพูดกับผมว่า “การจะเป็นนักบาสที่ดีได้ คุณต้องเล่นให้เหมือนไมเคิล จอร์แดน ก่อนจะลงเล่นทุกครั้งให้ถามตัวเองว่า ‘ไมเคิลจอร์แดนจะทำอะไร?’” คำแนะนำนี้ไม่ได้ช่วยผมเลย! ผมไม่ได้มีความสามารถเหมือนไมเคิล จอร์แดน
แต่ลองนึกภาพว่าผมได้รับความสามารถที่ไมเคิล จอร์แดนมี นึกภาพว่าผมสามารถทำทุกอย่างที่ ไมเคิล จอร์แดน ทำได้ผ่านทางวิญญาณของ ตอนนี้มันเป็นไปได้แล้วที่ผมจะเลียนแบบนักบาสผู้ยิ่งใหญ่
WWJD (พระเยซูจะทำอะไร?) ยังไม่เพียงพอ ด้วยตัวของเราเองเราไม่มีกำลังพอที่จะเลียนแบบพระเยซู แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ให้ฤทธิ์เดชแก่พระเยซูในการทำพันธกิจก็จะให้ฤทธิ์เดชแก่เราด้วย โดยการเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ คุณและผมสามารถเป็นเหมือนพระคริสต์ได้ นี่คืออิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของผู้เชื่อ
พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ฤทธิ์เดชแก่พระเยซูเพื่อดำเนินชีวิตที่มีชัยชนะและเพื่อพันธกิจที่เกิดผล การเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเคล็ดลับของชีวิตที่มีชัยชนะและพันธกิจที่เกิดผลของพวกอัครทูต การเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเคล็ดลับของชีวิตที่มีชัยชนะและพันธกิจที่เกิดผลในสมัยปัจจุบันนี้
เปาโลเขียนว่า “แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง” (กาลาเทีย 5:16) มีสองทางเลือกเท่านั้นคือ ดำเนินตามพระวิญญาณหรือสนองความต้องการของเนื้อหนัง เราไม่สามารถ พึ่งกำลังของตัวเองเพื่อเอาชนะความต้องการของเนื้อหนังได้ จริงอยู่ที่เราอาจมีชัยชนะในหนึ่งวันหรือหนึ่งสัปดาห์ แต่หนทางเดียวที่จะทำให้เรามีชัยชนะเหนือความต้องการของเนื้อหนังได้ตลอดไป คือการยอมจำนนต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์
► อ่าน โรม 8:1-17
ในการสรุปเรื่องชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณในโรมบทที่ 8 เปาโลเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างของการดำเนินชีวิตสองวิถีคือ ชีวิตที่ดำเนินตามเนื้อหนังกับชีวิตที่ดำเนินตามพระวิญญาณ
“เพราะว่าถ้าท่านดำเนินชีวิตตามเนื้อหนังแล้ว ท่านจะต้องตาย แต่ถ้าโดยทางพระวิญญาณ ท่านทำลายกิจการของร่างกาย ท่านก็จะดำรงชีวิตได้ เพราะว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำใคร คนนั้นก็เป็นบุตรของพระเจ้า”
ในโรมบทที่7เปาโลแสดงให้เห็นถึงความพยายามในอดีตเพื่อจะทำตามกฎบัญญัติของพระเจ้าด้วยกำลังของตัวเอง ความพยายามนี้ล้มเหลว ทำไมหรือ? เพราะ “ทางฝ่ายเนื้อหนังข้าพเจ้ารับใช้กฎแห่งบาป” (โรม 7:25)
ในโรมบทที่ 8 เปาโลชื่นชมยินดีที่ “ไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์” เราเป็นอิสระจากการลงโทษไม่ใช่เพราะพระเจ้าเพิกเฉยต่อความบาปของเรา เราเป็นอิสระจากการลงโทษ “เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่านพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย” เราเป็นอิสระจากการลงโทษเพราะตอนนี้เราดำเนินชีวิตในพระวิญญาณบริสุทธิ์
เปาโลแสดงให้เห็นว่ามีสองวิถีชีวิต วิถีแรกคือการดำเนินชีวิตอยู่ “ในเนื้อหนัง” นี่คือความคิดจิตใจในทางของโลก ความคิดจิตใจแบบนี้เป็น “ศัตรูกันกับพระเจ้า” เป็นไปไม่ได้ที่คนหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตตามเนื้อหนังจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ชีวิตที่ดำเนินตามวิถีของเนื้อหนัง ชีวิตที่อยู่ในวิถีของเนื้อหนังนำไปสู่ความตาย “การเอาใจใส่เนื้อหนังก็คือความตาย”
วิถีที่สองคือชีวิตที่ “เอาใจใส่พระวิญญาณ” คนหนึ่งที่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณก็ครบถ้วนสมบูรณ์ตาม “กฎบัญญัติด้วยเรื่องความชอบธรรม” เรามี “ชีวิตและสันติสุข” เพราะ “พระวิญญาณทรงเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า”
ในโรมบทที่ 6 เปาโลสอนว่าเราต้องดำเนินชีวิตเหนือการตั้งใจทำบาป “เราที่ตายต่อบาปแล้วจะมีชีวิตในบาปต่อไปได้อย่างไร?” (โรม 6:2) ด้วยกำลังของเราเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินชีวิตเหนือการตั้งใจทำบาป เราเกิดมาพร้อมกับแนวโน้มในการทำบาปและห่างจากพระเจ้า เราจะทำให้สำเร็จตามข้อเรียกร้องต่าง ๆ ในโรมบทที่ 6 ได้อย่างไร? คำตอบอยู่ในโรมบทที่ 8 โดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราสามารถ “ทำลายกิจการของกาย” ได้ เราสามารถดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์เพราะพระวิญญาณของพระเจ้าทำงานอยู่ภายในเรา
โรเบิร์ต โคลแมน เขียนไว้ว่า...
“การดำเนินชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสิทธิพิเศษของผู้ติดตามพระคริสต์ในวันนี้เหมือนกันกับเหล่าสาวกยุคแรกที่รวมตัวกันในห้องชั้นบน ความจริงที่ครอบคลุมเรื่องนี้ทั้งหมดคือ...ความบริสุทธิ์ของพระวิญญาณที่ครอบครองพระคริสต์เป็นรากฐานของคริสเตียนในพันธสัญญาใหม่”[2]
ฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในคนที่ยอมจำนนอย่างเต็มที่ต่อพระเจ้าทำให้ชีวิตที่บริสุทธิ์เป็นจริงได้ ถ้าไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ การเป็นเหมือนพระคริสต์ก็เป็นไปไม่ได้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้การดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ของเราเป็นจริงได้
ผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์เห็นนิมิตเชิงตะเกียงทองคำอันหนึ่งกับต้นมะกอกสองต้น มีชามใบหนึ่งที่ใส่น้ำมันและถูกนำส่งไปยังตะเกียงทั้งเจ็ด ทูตสวรรค์อธิบายความหมายของนิมิตนี้ เศรุบบาเบลผู้มีอำนาจปกครองเหนือยูดาห์ได้รับมอบหมายให้สร้างพระวิหารขึ้นมาใหม่ ภารกิจนี้ใหญ่เหมือนภูเขา พระเจ้าสัญญาว่าภารกิจนี้จะสำเร็จได้ “ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา” โดยพระวิญญาณ ภูเขาจะเป็นที่ราบ (เศคาริยาห์ 4:6-7)
ในทำนองเดียวกัน คริสเตียนในวันนี้ต้องเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง เปาโลสั่งให้คริสเตียนที่เมืองเอเฟซัสว่า “จงเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ” (เอเฟซัส 5:18) ไวยากรณ์ของคำสั่งนี้เป็นปัจจุบันกาล หมายความว่าให้สิ่งนี้เป็นรูปแบบชีวิตประจำวันของเรา ชีวิตประจำวันของเราต้องได้รับการควบคุมโดยพระองค์ เรามีประสบการณ์กับความยินดีในชีวิตที่บริสุทธิ์เมื่อเราดำเนินในพระวิญญาณอย่างเต็มเปี่ยม
[1] คำอธิษฐานของวัยรุ่นคริสเตียนคนหนึ่ง
“พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอเติมลูกให้เต็มจนล้น ลูกไม่สามารถเก็บไว้กับตัวได้มาก แต่ลูกสามารถล้นไหลออกไปอย่างท่วมท้น”
- อ้างอิงโดย ดร.เดวิด บับ
[2] โรเบิร์ต อี โคลแมน (Robert E. Coleman), พระทัยขององค์เจ้านาย (
The Mind of the Master ) (CO: Waterbrook Press, 1977), 35-36
Previous
Next