► คุณจะอธิบายเกี่ยวกับธรรมชาติบาปที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิดได้อย่างไร?
การรับสืบทอดความเลวทราม คือความเสื่อมโทรมของธรรมชาติทางศีลธรรมของมนุษย์ที่ทำให้มนุษย์มีแนวโน้มในการทำบาปตั้งแต่แรกเกิด บางครั้งเรียกว่า “ความบาปดั้งเดิม” มันคือธรรมชาติบาปที่เกิดมาพร้อมกับเราเนื่องจากความบาปของอาดัม
มนุษย์ทุกคนมีแนวโน้มต่อความชั่วช้านี้ตั้งแต่เกิด[1] ธรรมชาติของคนถูกบิดเบือนโดยแนวโน้มที่เป็นความบาปนับจากวันที่เขาเกิดมา คนๆ หนึ่งเริ่มทำบาปทันทีที่เขาเริ่มต้นเลือกได้ แนวโน้มที่เป็นความบาปไม่ใช่สิ่งที่เขาเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมเลย[2]
ดาวิดพูดว่าเขาถูกหล่อหลอมในความอธรรมและถือกำเนิดในความบาป[3] เขาไม่ได้หมายความว่าแม่ของเขาได้ทำบางอย่างที่ผิด เขาหมายความว่าเมื่อเด็กทารกถูกก่อร่างในครรภ์ ธรรมชาติของเด็กนั้นถูกทำให้เสื่อมโทรมโดยควาบาปเรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากธรรมชาติที่เสื่อมโทรมนี้ พระฉายของพระเจ้าในมนุษย์จึงถูกทำลาย ทุกคนเกิดมาพร้อมกับเจตนาที่มีตัวเองเป็นศูนย์กลางและยอมจำนนต่อความบาป[4] เจตนาของเราไม่มีเสรีภาพในการเลือกสิ่งที่ถูกต้องได้จนกว่าพระเจ้าจะประทานความปรารถนาและกำลังให้แก่เรา[5]
การรับสืบทอดความเลวทรามกระตุ้นความบาปที่อยู่ภายในอย่างเช่น ความหยิ่ง การอิจฉา ความเกลียดชัง และการไม่ให้อภัย นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้มีการกระทำบาปด้วย
โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์มีท่าทีกบฏต่อสิทธิอำนาจของพระเจ้าและโกรธต่อกฎบัญญัติขอองพระองค์ คนบาปจะถูกพิพากษา ไม่เพียงแค่การกระทำบาปเท่านั้น แต่รวมถึงท่าทีกฎบของพวกเขาต่อพระเจ้าด้วย[6]
คนที่มีธรรมชาติบาปจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางเสมอ เขาต้องการทำตามความตั้งใจของตัวเองมากกว่าไว้วางใจสิทธิอำนาจของพระเจ้าและคนอื่นๆ เขาต้องการทำให้ตัวเองพอใจมากกว่าทำให้พระเจ้าพอพระทัย เขาเชื่อมั่นในตัวเองและไม่ต้องการพึ่งพระเจ้า ความสำเร็จของเขาเองสำคัญกว่าถวายเกียรติพระเจ้า
ผู้คนไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้ เพราะความคิดจิตใจของพวกเขาถูกทำให้มืดมน โดยธรรมชาติ พวกเขาทำตามการนำของโลกที่กบฏนี้ซึ่งซาตานควบคุมอยู่ กับความปรารถนาบาปของพวกเขาเอง นั่นเป็นการที่พวกเขาเอาตัวเองให้อยู่ใต้พระพิโรธของพระเจ้า[7] พวกเขามีแนวโน้มตามธรรมชาติที่จะทำบาปทุกเวลา[8]
การขยายผลของการรับสืบทอดความเลวทรามได้ถูกอธิบายไว้ในทางศาสนศาสตร์ว่าเป็นความเลวทรามอย่างสิ้นเชิง โดยปราศจากพระคุณของพระเจ้า มนุษย์จะไม่สามารถทำสิ่งดีใดๆ ได้เลย หรือไม่แม้แต่มีความปรารถนาที่ดี เขาจะไม่สามารถกลับใจหรือแสวงหาพระเจ้าได้[9] เขาได้รับคำอธิบายถึงว่า “ตายในการละเมิดและความบาป”[10]
การรู้ว่าพระคุณของพระเจ้าตอบสนองต่อการรับสืบทอดความเลวทรามอย่างไรเป็นสิ่งสำคัญ อย่างแรก ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ามาพร้อมกับข่าวประเสริฐซึ่งประทานแก่คนที่สูญเสียความปรารถนาและความสามารถในการตอบสนองต่อข่าวประเสริฐ[11] จากนั้น เมื่อคนนั้นได้รับความรอดแล้ว เขาก็ได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากการควบคุมของความบาป[12] แต่อิทธิพลของการรับสืบทอดความเลวทรามยังคงมีในชีวิตของคริสเตียนใหม่
อิทธิพลของการรับสืบทอดความเลวทรามในคริสเตียนแสดงออกได้หลายทาง
บางครั้งคริสเตียนใหม่จะต้องต่อสู้กับความตั้งใจของเขาเองในช่วงมีการทดลอง
คริสเตียนใหม่จะสัมผัสได้ถึงแรงจูงใจที่ผิดที่เขาต้องต่อต้าน
คริสเตียนใหม่จะมีปฏิกิริยาตอบสนองและท่าทีที่ผิดที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะรู้ตัว
คริสเตียนใหม่จะต้องได้รับการหนุนใจเพื่อเขาจะไม่ทิ้งความเชื่อ เขาอาจสงสัยว่าเขาได้รับความรอดหรือไม่เพราะเขายังคงต่อสู้กับแรงจูงใจที่ผิดอยู่
ศิษยาภิบาลต้องอดทนกับคริสเตียนใหม่ เขาต้องตระหนักว่าพวกเขาจะเป็นคริสเตียนที่ยังไม่มั่นคงในทุกสิ่งที่พวกเขาพูดและทำ พวกเขาอาจมองไม่เห็นปัญหาของพวกเขาทันที พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการหนุนใจให้อธิษฐานเพื่อรับการชำระล้างจากการรับสืบทอดความเลวทราม แต่พวกเขาจำเป็นต้องมีเวลาที่จะเข้าใจได้
[1] อ่าน สดุดี 58:3
[2] “มนุษย์โดยธรรมชาติเต็มไปด้วยความชั่วร้ายทั้งหมดไหม? สิ่งดีทุกอย่างสูญสิ้นไปจากเขาไหม? เขาล้มลงอย่างสิ้นเชิงหรือไม่? จิตใจของเขาถูกทำให้เสื่อมโทรมทั้งหมดไหม? หรือย้อนกลับมาที่ประเด็นหลัก ทุกความคิดและจินตนาการของเขามีแต่ความชั่วร้ายอย่างต่อเนื่องหรือไม่? ยอมรับสิ่งนี้และคุณจะเป็นคริสเตียน ปฏิเสธสิ่งนี้และคุณก็จะเป็นคนไม่มีศาสนา” - จอห์น เวสเล่ย์ “หลักคำสอนเรื่องความบาปดั้งเดิม”
[3] อ่าน สดุดี 51:5
[4] ฟิลิปปี 3:19
[5] อ่าน โรม 6:16-17
[6] อ่าน ยูดา 15
[7] อ่าน เอเฟซัส 2:2-3
[8] ปฐมกาล 6:5
[9] อ่าน ยอห์น 6:44
[10] เอเฟซัส 2:1
[11] อ่าน โรม 1:16
[12] โรม 6:11-14
Previous
Next