บทนำ
► อ่าน มัทธิว 19:16-22 อะไรที่ทำให้คุณประหลาดใจเกี่ยวกับคำตอบของพระเยซูต่อชายคนนี้? ถ้าคุณได้ยินเพื่อนคนหนึ่งตอบคนที่ถามเขาว่าจะมีชีวิตนิรันดร์ได้อย่างไร มีอะไรที่คุณอยากจะอธิบายให้เพื่อนของคุณบ้าง?
Search through all lessons and sections in this course
Searching...
No results found
No matches for ""
Try different keywords or check your spelling
1 min read
by Stephen Gibson
► อ่าน มัทธิว 19:16-22 อะไรที่ทำให้คุณประหลาดใจเกี่ยวกับคำตอบของพระเยซูต่อชายคนนี้? ถ้าคุณได้ยินเพื่อนคนหนึ่งตอบคนที่ถามเขาว่าจะมีชีวิตนิรันดร์ได้อย่างไร มีอะไรที่คุณอยากจะอธิบายให้เพื่อนของคุณบ้าง?
ลองนึกภาพว่าคุณมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่เพื่อนคนหนึ่งมาหาคุณและบอกว่าเขาได้จ่ายเงินเพื่อค่ารักษาโรคบางโรค[1] เพื่อจ่ายค่ารักษานี้ เขาต้องขายบ้านและทุกสิ่งที่มี และเขาได้จ่ายค่ารักษานี้เพื่อคุณ
► คุณจะพูดอะไรกับเพื่อนของคุณเมื่อเขาให้ของขวัญนั้นแก่คุณ?
คุณจะขอบคุณเขาสำหรับความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่คุณจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับของขวัญนั้น ทำไมเขาจึงต้องยอมจ่ายมากขนาดนั้นเพื่อซื้อบางสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับคุณ?
เวลานี้ขอให้คิดถึงเรื่องที่แตกต่างออกไป คุณเคยเป็นหมอและพบว่าตัวเองมีโรคร้ายแรง การรักษามีค่าใช้จ่ายสูงมาก และคุณไม่มีทางจ่ายได้ คุณกลับไปบ้านและคิดถึงความตาย คุณตระหนักว่าครอบครัวของคุณจะสูญเสียคุณไป และคุณจะไม่สามารถพบกับสิ่งที่คุณหวังไว้ในชีวิต
จากนั้นเพื่อนคนหนึ่งมาหาและบอกว่าเขายินดีให้ทุกสิ่งที่เขามีเพื่อรักษาคุณให้หายโรค คุณซาบซึ้งใจเพราะคุณเข้าใจถึงความจำเป็นของตัวเองก่อน ของขวัญของเขาคือชีวิตของคุณ
ตอนนี้คิดถึงการตอบสนองของคนในโลกนี้เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวประเสริฐ คำว่า “ข่าวประเสริฐ” หมายถึง “ข่าวดี” แต่คนมากมายไม่เข้าใจว่าทำไมข่าวนี้จึงเป็นข่าวดี
ลองจินตนาการว่ามีชายคนหนึ่งชื่อเพียร์ เพื่อนของเขามาบอกว่า “พระเยซูตายบนไม้กางเขนเป็นเครื่องบูชาเพื่อความบาปของคุณจะได้รับการยกโทษ”
เพียร์คิดว่า “ผมไม่ได้เป็นคนเลวนะ ผมดีกับเพื่อนและครอบครัว ทำไมการเป็นเครื่องบูชายิ่งใหญ่นั้นต้องจำเป็นสำหรับความบาปของผมด้วยล่ะ? ทำไมการยกโทษจึงสำคัญหรือ?” เพียร์อาจโกรธว่าเพื่อนของเขาคิดว่าเขาเป็นคนบาปที่ต้องการการตายของพระเยซูเพื่อยกโทษให้เขา
พระคัมภีร์บอกเราว่าเรื่องไม้กางเขนทำให้ผู้คนไม่พอใจ ผู้คนต้องการหาทางเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองถูกต้อง พวกเขาไม่คิดว่าการเป็นเครื่องบูชาของพระเยซูเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขา ดังนั้นไม้กางเขนจึงเป็นเรื่องโง่เขลาสำหรับพวกเขา (1 โครินธ์ 1:18)
เหมือนภาพตัวอย่างที่อธิบายเกี่ยวกับการรักษาโรค ผู้คนไม่ซาบซึ้งใจกับไม้กางเขนเพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจำเป็นต้องมีด้วย
วิธีการตามหลักการพระคัมภีร์เพื่อเตรียมคนสำหรับข่าวประเสริฐคือการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีข่าวประเสริฐ พวกเขาจำเป็นต้องตระหนักว่าตนเป็นคนบาปซึ่งอีกไม่นานจะได้รับการพิพากษาจากพระเจ้า
► ทำไมคน ๆ หนึ่งจึงยินดีเมื่อได้ยินข่าวประเสริฐ?
ข้อเท็จจริงว่าคนบาปจะได้รับการพิพากษาและลงโทษเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนบาปคนหนึ่งยินดีเมื่อได้ยินข่าวประเสริฐ
ตามที่มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด (ฮีบรู 9:27)
คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น มนุษย์จะต้องรับผิดชอบถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา (มัทธิว 12:36)
► อ่านคำอธิบายเรื่องการพิพากษาใน วิวรณ์ 20:12-15
การพิพากษาในอนาคตสำหรับคนบาปคือเหตุผลเบื้องต้นในการจำเป็นต้องได้รับความรอดของคนบาปทุกคน
พระเจ้าสั่งให้ทุกคนกลับใจใหม่ “เพราะพระองค์ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้แล้ว ในวันนั้นพระองค์จะทรงพิพากษาโลกตามความชอบธรรม” (กิจการ 17:30-31)
ถ้าบุคคลหนึ่งไม่เข้าใจว่าความบาปของเขาร้ายแรง เขาก็ขาดเหตุผลสำคัญที่จะปรารถนาความรอด
► อะไรทำให้บุคคลหนึ่งตระหนักว่าความบาปของเขาร้ายแรง?
คนมากมายไม่สนใจข่าวประเสริฐเพราะพวกเขาไม่ถือว่าตัวเองมีความผิด พระคัมภีร์กล่าวว่าคนส่วนใหญ่ถือว่าตัวเองเป็นคนดี (สุภาษิต 20:6) ถ้าคุณถามใครบางคนว่าเขาเป็นคนดีไหม เขาจะตอบทำนองนี้ว่า “ใช่” และพร้อมที่จะโต้เถียงเพื่อปกป้องตัวเอง คนส่วนใหญ่คิดว่าความบาปของพวกเขาไม่ชั่วร้าย และพวกเขาควรได้รับการยกเว้น การหยิบยื่นพระคุณและการยกโทษให้กับคนเหล่านั้นไม่เป็นที่เข้าใจได้
คน ๆ นั้นต้องมองเห็นตัวเองว่าเป็นคนบาปและสำนึกผิดในใจก่อนที่เขาจะเห็นว่าตัวเองต้องการพระคุณ พระเจ้าให้พระบัญญัติไว้เพื่อแสดงให้เห็นความบาป
คำว่า พระบัญญัติไม่ได้หมายความอย่างเจาะจงถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในพันธสัญญาเดิมซึ่งเป็นระเบียบของการนมัสการในพระวิหาร เราไม่ได้พูดถึงพระบัญญัติต่าง ๆ ที่ให้ไว้เพื่อปกครองอิสราเอลซึ่งไม่ได้นำมาใช้กับเราในรูปแบบเดียวกัน เรากำลังพูดถึงมาตรฐานของพระเจ้าเรื่องความชอบธรรม กษัตริย์ดาวิดเขียนไว้ในสดุดี 119 ว่าเขารักพระบัญญัติของพระเจ้าเหมือนกับที่เขารักพระเจ้า เพราะพระบัญญัตินั้นมาจากพระลักษณะของพระเจ้าเอง
พระบัญญัติของพระเจ้าแสดงให้เราเห็นว่าเราควรมีชีวิตอยู่และเรามีความผิดเนื่องจากการไม่เชื่อฟังพระบัญญัติ ไม่มีใครชอบธรรมได้โดยการรักษาพระบัญญัติ (กาลาเทีย 2:16, โรม 3:20) เพราะทุกคนทำบาปเรียบร้อยแล้ว บุคคลกำลังใช้พระบัญญัติอย่างผิด ๆ ถ้าหากเขาคิดว่าการพยายามปฏิบัติตามจะทำให้ได้รับความรอด
พระบัญญัติของพระเจ้าชี้นำชีวิตของเรา (1 โครินธ์ 9:21) แต่นั่นไม่ใช่หนทางแห่งความรอดของเรา พระบัญญัติไม่สามารถนำเราไปสู่ความรอดได้ เพราะตั้งแต่แรกเกิด เราก็ไม่มีความสามารถทำตามข้อกำหนดอย่างครบถ้วนได้ (โรม 8:3, กาลาเทีย 3:21)
พระบัญญัติไม่ได้คัดค้านกับข่าวประเสริฐในแผนการของพระเจ้า พระคัมภีร์บอกเราว่าพระบัญญัติมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้คนบาปตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องรับความรอด ข่าวประเสริฐไม่ได้ลบล้างพระบัญญัติ (มัทธิว 5:17) หรือทำให้ไม่เกี่ยวข้องกับเรา พระบัญญัติทำหน้าที่เป็นดั่งการเตรียมที่สมบูรณ์สำหรับข่าวประเสริฐ ไม่เพียงแต่ในสมัยโบราณเท่านั้นแต่ยังคงดำเนินต่อไป
“พระบัญญัติเป็นครูที่นำเรามาถึงพระคริสต์” (กาลาเทีย 3:24) บางคนคิดว่าช่วงเวลาของพระบัญญัตินั้นจบสิ้นลงแล้ว และตอนนี้เป็นช่วงเวลาแห่งพระคุณ ความจริงคือทุกคนต้องเผชิญหน้ากับพระบัญญัติของพระเจ้าและตระหนักว่าเขาถูกลงโทษก่อนที่จะเขาจะเข้าใจพระคุณ อัครทูตเปาโลกล่าวว่า “แต่ว่าถ้าไม่มีธรรมบัญญัติแล้ว ข้าพเจ้าก็คงไม่รู้จักบาป” (โรม 7:7)
เปาโลกล่าวว่าพระบัญญัติมีไว้เพื่อแสดงว่าคนบาปมีความผิดและไม่มีข้อแก้ตัว เพราะโดยพระบัญญัติ ผู้คนตระหนักว่าตนเองเป็นคนบาป (โรม 3:19-20) ทุกคน “อยู่ใต้พระบัญญัติ” และถูกลงโทษจนกว่าเขาจะได้รับความรอด
ข่าวประเสริฐจะไม่ใช่ข่าวดีสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าความบาปของเขาเป็นเรื่องร้ายแรง ข่าวประเสริฐคือข่าวดีสำหรับคนที่รู้ว่าเขามีความผิดและไม่ช้านานจะต้องเผชิญกับการพิพากษาของพระเจ้า
► อ่าน ลูกา 18:10-14 ถ้ามีบางคนบอกฟาริสีคนหนึ่งว่าเขาสามารถได้รับการยกโทษโดยพระคุณของพระเจ้า ฟาริสีคนนั้นจะตอบสนองอย่างไร?
[1]ทุกวันนี้มีการประกาศข่าวประเสริฐมากมายที่ไม่เน้นว่าทุกคนมีความผิดบาปและสมควรถูกพระเจ้าพิพากษา
พวกเขาไม่ต้องการบอกผู้คนว่าเป็นคนไม่ดี
พวกเขาอยากพูดแต่เรื่องด้านบวกแทนที่จะพูดด้านลบ
พวกเขาอยากนำเสนอผลประโยชน์ของความรอดในโลกนี้แทนที่จะนำเสนอสิ่งที่เป็นนิรันดร์ เนื่องจากพวกเขากำลังพูดกับผู้คนที่จดจ่อกับสิ่งต่าง ๆ ของโลกนี้
พวกเขาบอกเป็นนัยว่าพระบัญญัติของพระเจ้าเป็นสิ่งเลวร้าย เป็นศัตรูกับความรอด เป็นสิ่งสำคัญเฉพาะกับคนที่ต้องการรอดโดยการประพฤติ พระคัมภีร์กล่าวว่า พระบัญญัตินั้นดีและบริสุทธิ์ (โรม 7:12-14) คนที่ต้องการให้พระเจ้าพอพระทัยจะพยายามทำตามกฎเกณฑ์ของพระเจ้าสำหรับชีวิต (สดุดี 119:1-8)
พวกเขาพูดเป็นนัยว่ามาตรฐานของพระเจ้าเป็นไปไม่ได้และไม่สมเหตุสมผล คุณไม่ถูกกล่าวโทษสำหรับความบาปของคุณ
ปัญหาคือถ้าหากคน ๆ หนึ่งไม่ได้รู้สึกถึงความผิดจริง ๆ เขาก็ไม่สามารถกลับใจจริงได้ เขาไม่สามารถเสียใจกับสิ่งที่เขาทำได้จนกว่าเขาจะรู้ว่าเขาเลือกทำสิ่งที่ผิด ถ้าคน ๆ หนึ่งไม่ได้เชื่อจริง ๆ ว่าตัวเองเป็นคนบาปเมื่อเขาขอการยกโทษ เขาเพียงแค่กำลังขอให้พระเจ้ายอมรับความล้มเหลวของเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น
ข้อเท็จจริงคือการที่คนบาปไม่ต้องถูกลงโทษเนื่องจากเกิดมาพร้อมกับธรรมชาติบาป แต่พวกเขาถูกลงโทษเพราะความบาปที่ตั้งใจทำและท่าทีกบฏต่อพระเจ้า (ยูดา 15)
ผู้คนมากมายเชื่อว่าพระเจ้าทรงรักและให้อภัย แต่พวกเขาไม่ตระหนักว่าพระองค์เป็นผู้พิพากษาที่ชอบธรรมด้วย พวกเขาคาดหวังว่าถ้าได้พบกับพระเจ้า พระองค์จะยกโทษให้แม้ว่าพวกเขาไม่เคยกลับใจใหม่ ข่าวประเสริฐที่ไม่สมบูรณ์ที่พวกเขาได้ยินได้ทำให้พวกเขาสบายใจที่จะอยู่ในความบาปของตัวเองมากขึ้น
การประกาศข่าวประเสริฐสมัยใหม่มากมายที่เน้นว่า หากคน ๆ หนึ่งมาเป็นคริสเตียน เขาจะมีความสุขมากขึ้น พวกเขาพูดว่าความบาปไม่ได้ทำให้อิ่มใจ แต่พระเจ้าทำให้อิ่มใจ พวกเขาพูดว่าคน ๆ หนึ่งจะรับความรัก สันติสุข และความยินดี พวกเขาพูดว่าพระเจ้ามีแผนการอันดีเลิศให้กับชีวิตของแต่ละคน และแผนการนั้นจะสำเร็จได้ถ้าหากคนนั้นได้รับความรอด
คำสัญญาต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เข้าใจผิดได้ พระเจ้าให้ความรักและสันติสุข แต่จะมีความขัดแย้งกันกับคนที่ปฏิเสธพระเจ้า (มัทธิว 10:34-36) พระองค์ให้ความยินดี แต่จะมีการข่มเหงเกิดขึ้นด้วยในเวลาเดียวกัน (1 เธสะโลนิกา 1:6) พระองค์มีแผนการอันดีเลิศสำหรับแต่ละคน แต่คริสเตียนคนหนึ่งอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากและเป็นโศกนาฎกรรม (2 โครินธ์ 11:24-27) ถ้าหากคนหนึ่งตัดสินใจเป็นคริสเตียนเพราะเขาคิดว่าชีวิตของเขาจะดีขึ้น เขาอาจต้องผิดหวัง บางคนต้องทนทุกข์อย่างร้ายแรงเพราะมาเป็นคริสเตียน
ในฐานะคริสเตียน เราเข้าใจว่าชีวิตกับพระเจ้านั้นดีเลิศ แม้เมื่อเราต้องเจอความทุกข์แสนสาหัส เราสามารถพูดว่าการรับใช้พระเจ้าเป็นชีวิตที่ดีเลิศ อย่างไรก็ตามผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีความคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับชีวิตที่ดีเลิศว่าคืออะไร ถ้าหากคุณขอให้พวกเขาอธิบาย พวกเขาจะพูดถึงสุขภาพที่ดี เงิน เสรีภาพ สันติสุข และอื่น ๆ ทำนองนี้ พวกเขาจะไม่เข้าใจเลยว่าการข่มเหง การทนทุกข์แบบคริสเตียนเป็นชีวิตที่ดีเลิศ ดังนั้นเมื่อคุณบอกคนบาปคนหนึ่งว่าถ้าเขามาเป็นคริสเตียนเขาจะมีชีวิตที่ดีเลิศ เขาอาจไม่เข้าใจถึงสิ่งที่คุณกำลังสัญญากับเขา
มีอีกปัญหาหนึ่งเกี่ยวกับการเข้าใจแบบผิด ๆ เรื่องข่าวประเสริฐ คนอาจยอมรับเนื้อหาโดยไม่ได้มองเห็นว่าตัวเองเป็นคนบาปที่สมควรแก่การพิพากษาจริง ๆ เพราะเขาไม่ได้มองว่าความบาปนั้นร้ายแรง เขาไม่ได้กลับใจใหม่อย่างแท้จริง เขาไม่ได้แสวงหาการรอดพ้นจากบาป แต่แสวงหาผลประโยชน์อย่างอื่น เขาอาจคิดว่าตัวเองได้รับความรอดแล้วทั้ง ๆ ที่เขายังไม่รอด
เขาไม่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงของความรอดสำหรับชีวิตของเขา เพราะเขายังไม่รอด เขาพยายามในช่วงระยะสั้น ๆ จากนั้นก็เลิกราไปด้วยความผิดหวัง
ผลลัพธ์ที่เลวร้ายของข่าวประเสริฐผิดเพี๊ยนคือการทำให้คนที่ผิดหวังยากที่จะตอบสนองต่อข่าวประเสริฐอีกในอนาคต
ข้อสรุปของปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากข่าวประเสริฐซึ่งสัญญาให้ชีวิตที่ดีกว่ามีดังนี้
1. สัญญาสิ่งที่พระเจ้าไม่ได้สัญญา
2. ทำให้คนบาปเข้าใจผิด
3. คนอาจไม่กลับใจมาเชื่อจริง ๆ
4. เขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์ตามที่คาดหวัง
5. เขายอมรับข่าวประเสริฐได้ยากขึ้นในอนาคต
► อ่าน กิจการ 14:21-23 อัครทูตบอกให้คนที่กลับใจมาเชื่อคาดหวังอะไร?
พระเยซูเตือนพวกสาวกว่าผู้คนจะเกลียดพวกเขาเพราะความเชื่อในพระคริสต์ พระองค์บอกว่าพวกเขาจะไม่ได้รับความรอดเว้นแต่พวกเขาจะอดทนได้จนถึงที่สุด ผู้เขียนพระกิตติคุณสามคนได้บันทึกถ้อยคำเหล่านี้ไว้ (มัทธิว 10:22, มาระโก 13:13, ลูกา 21:17) อัครทูตดั้งเดิมส่วนใหญ่ตายเพื่อพระคริสต์
คริสเตียนนับหลายล้านคนถูกฆ่าตายเพราะความเชื่อของพวกเขา นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนในยุคโบราณเท่านั้น มีคริสเตียนมากกว่าครึ่งที่พลีชีพเพื่อข่าวประเสริฐในศตวรรษที่ยี่สิบ
ถ้าหากคนหนึ่งกลับใจมาเชื่อเพราะพระสัญญาเกี่ยวกับความรอดโดยไม่ได้สัญญาถึงชีวิตที่สุขสบาย เขาจะไม่เลิกเชื่อเมื่อเจอกับความยากลำบาก เขาเต็มใจอดทนต่อความทุกข์ยากต่าง ๆ เพื่อเห็นแก่ความรอดที่เป็นนิรันดร์ การทดสอบต่าง ๆ ทำให้ความรอดยิ่งมีค่าสำหรับเขา
► ทำไมคริสเตียนจึงต้องอดทนต่อการข่มเหง?
“การกลับใจมาเชื่อเกี่ยวข้องกับการตัดขาดกับอดีตอย่างสิ้นเชิงซึ่งเปรียบเหมือนการตายจากอดีต เราถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว โดยทางไม้กางเขน เราตายต่อโลกที่ไร้พระเจ้า ตายต่อทัศนะ และมาตรฐานของโลก”
- เลาซานน์ คอมมิทตี้ ฟอร์ เวิร์ด อีแวนเจไลเซชั่น
เดอะ วิลโลแบงค์ รีพอร์ท
► อ่าน 2 ทิโมธี 2:24-26 ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้บอกอะไรแก่เราเกี่ยวกับลักษณะของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ?
ผู้ประกาศข่าวประเสริฐไม่ควรต่อสู้กับผู้คนที่เขาประกาศ ซาตานคือศัตรู และคนบาปเป็นนักโทษของซาตาน เราควรอธิบายความจริงด้วยความสุภาพ จุดประสงค์ของเราคือเพื่อช่วยพวกเขา ไม่ใช่ทำให้พวกเขาแพ้ในการโต้เถียง คำต่าง ๆ ที่ใช้ในพระคัมภีร์ตอนนี้มีคำว่าสุภาพอ่อนโยนและอดทน
► อ่าน ทิตัส 3:2-5 พระคัมภีร์ตอนนี้บอกอะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ?
เราควรระลึกไว้ว่าโดยปราศจากพระคุณของพระเจ้า เราจะเป็นเหมือนผู้คนในโลกนี้ พระเจ้าไม่ได้มาหาเราพร้อมกับการพิพากษา แต่มาหาเราพร้อมกับความกรุณาและความรัก
ผู้ประกาศข่าวประเสริฐต้องไม่โมโหใส่คนบาป แต่โมหาความบาปกับซาตาน เขาไม่ควรก้าวร้าวรุนแรง เขาไม่ควรดีใจที่ค้นพบข้อผิดพลาดของคนเหล่านั้น แต่เป็นห่วงและต้องการให้พวกเขาได้รับความรอด
เราได้ศึกษามาว่า เราจะไม่แสดงความรักต่อคนบาปโดยการสัญญาถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พระเจ้าไม่ได้สัญญา เราไม่แสดงความเมตตาสงสารโดยการกระทำที่บ่งบอกว่าปัญหาในชีวิตของพวกเขาสำคัญกว่าจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของพวกเขา
พระเยซูทำให้คำพยากรณ์สำเร็จ คือการที่พระเมสสิยาห์จะไม่ทำรุนแรงต่อผู้คน แต่อ่อนสุภาพ และจะไม่บดขยี้ผู้คนที่บอบช้ำจากความบาป (มัทธิว 12:19-20)
► เราสามารถสำแดงความรักของพระเจ้าขณะประกาศข่าวประเสริฐด้วยวิธีการใดบ้าง?
แนวทางของพระคัมภีร์ในการประกาศข่าวประเสริฐคือการใช้พระบัญญัติของพระเจ้าในการเตรียมคนให้พร้อมรับข่าวประเสริฐ พระบัญญัติทำให้คนบาปสำนึกผิดและแสดงให้พวกเขาเห็นว่าพวกเขาจะถูกพิพากษาหากพวกเขาไม่ได้รับการยกโทษ
ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเทศนาว่าผู้คนควรกลับใจใหม่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและรอดพ้นจากการพิพากษา (มัทธิว 3:1-12)
พระเยซูเทศนาเรื่องการพิพากษาและเกี่ยวกับนรกหลายครั้ง พระองค์นำเสนอพระคุณให้กับคนที่เสียใจสำหรับความบาปของตนเอง
► อ่าน ลูกา 7:36-50 คนลักษณะใดที่ได้รับการนำเสนอการยกโทษให้?
เราไม่พบในพันธกิจของพระเยซูที่พระองค์นำเสนอการยกโทษให้กับคนที่ไม่เสียใจต่อความบาปของตัวเอง พระองค์เตือนคนเรื่องการพิพากษา หลังจากภัยพิบัติ เมื่อมีคนจำนวนมากถูกฆ่าตาย พระเยซูบอกกับฝูงชนว่าพวกเขาก็จะพินาศทุกคนถ้าหากไม่กลับใจใหม่ (ลูกา 13:1-5)
พระเยซูเล่าเรื่องคนเก็บภาษีและฟาริสีซึ่งอธิษฐานตรงกันข้าม คนเก็บภาษีเสียใจและได้รับการยกโทษ ฟาริสีพยายามพิสูจน์ความชอบธรรมของตัวเอง การนำเสนอการยกโทษให้กับฟาริสีจึงไม่สมเหตุสมผลเลยเพราะเขาไม่เชื่อว่าเขาจำเป็นต้องได้รับการยกโทษ
อัครทูตเปโตรเทศนาพระสัญญาถึงชีวิตนิรันดร์ เรียกให้ผู้คนกลับใจใหม่ และรับการยกโทษ (กิจการ 2:38, 3:19, 5:31)
สเตเฟนเทศนาให้กับพวกผู้นำชาวยิว เขาไม่ได้นำเสนอพระคุณแต่ให้พวกเขาสำนึกผิดที่ต่อต้านพระเจ้าและฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระองค์ (กิจการ 7:51-53)
เปาโลเทศนาว่าผู้คนควรกลับใจใหม่เพราะพระเจ้าจะไม่ละเว้นความบาป (กิจการ 17:30-31)
การพูดถึงความยินดีและพระพรสำหรับการมาเป็นคริสเตียนนั้นไม่ผิด แต่วิธีการเบื้องต้นในการประกาศข่าวประเสริฐในพระคัมภีร์คือการเทศนาเพื่อให้เกิดการสำนึกบาปและกลับใจใหม่ การนำเสนอความรอดจากการพิพากษา
► อ่าน 2 โครินธ์ 5:11 อัครทูตบอกว่าเขาใช้อะไรในการชักชวน?
► อ่าน กิจการ 24:25 เปาโลพูดเรื่องอะไรกับเฟลิกส์? เรื่องนี้มีผลกระทบต่อเฟลิกส์อย่างไร?
แอนเดรเจอเพียร์เรและเชิญเขาไปคริสตจักร
เพียร์เร: ฉันไม่ได้ต้องการคริสตจักร
แอนเดร: พระคัมภีร์บอกว่าทุกคนจะต้องยืนต่อหน้าพระเจ้าเพื่อรับการพิพากษาสำหรับความบาปของตัวเอง คุณคิดว่าพระเจ้าจะยอมรับคุณอย่างที่เป็นอยู่นี้ไหม?
เพียร์เร: ใช่ ฉันคิดว่าพระองค์ยอมรับ
แอนเดร: คุณเป็นคนดีไหม?
เพียร์เร: ใช่ ฉันคิดว่าฉันเป็นคนดี
แอนเดร: บางทีที่คุณเป็นคนดีเพราะเปรียบเทียบกับอีกหลายคน คุณอาจเป็นคนดีต่อเพื่อนและครอบครัวของคุณ แต่คุณรู้จักมาตรฐานที่พระเจ้าใช้ไหม? พระคัมภีร์บอกเราเกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าพิพากษาว่าอะไรถูกและผิด ยกตัวอย่างเช่น มีกฎของพระองค์ที่เรียกว่า พระบัญญัติสิบประการ คุณรู้เรื่องนี้ไหม?
เพียร์เร: รู้บ้าง
แอนเดร: ยกตัวอย่างมีกฎข้อหนึ่งบอกว่า “อย่าเป็นพยานเท็จ” คุณเคยพูดอะไรที่ไม่จริงบ้างไหมในชีวิต?
เพียร์เร: แน่นอน ทุกคนเคยทำอย่างนั้น
แอนเดร: แต่การโกหกคือการฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้า อีกตัวอย่างคือการขโมย คุณเคยขโมยของของคนอื่นไหม?
เพียร์เร: แค่สิ่งของเล็กน้อย ฉันไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเพราะไปขโมยของของพวกเขา
แอนเดร: แต่พระเจ้าไม่ได้อนุญาตให้เราตัดสินใจเองได้ว่าอะไรที่ขโมยได้ คำสั่งของพระองค์คือเราต้องไม่ขโมย อีกตัวอย่างคือเราต้องไม่เอ่ยพระนามของพระเจ้าอย่างไม่สมควร เอ่ยถึงโดยไม่เคารพยำเกรง หรือใช้ในการแช่งสาป
คำสั่งแต่ละอย่างสามารถนำมาใช้ได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะนำมาใช้ในบทสนทนาเดียว ด้านล่างนี้คือตัวอย่าง
พระเจ้าตรัสไม่ให้เราล่วงประเวณี และพระเยซูตรัสว่าการมีใจกำหนัดกับผู้หญิงก็เป็นการล่วงประเวณีในใจ
พระเจ้าตรัสว่าไม่ให้ฆ่าคน และพระเยซูตรัสว่าการเกลียดใครบางคนก็เป็นการฆ่าคนนั้นในใจ
พระเจ้าบอกให้เรารักษาวันบริสุทธิ์ของพระองค์ คุณรักษาวันบริสุทธ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอในแต่ละสัปดาห์ไหม?
พระเจ้าบอกไม่ให้เราโลภ ไม่คิดว่าสิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากพระเจ้าจะทำให้เรามีความสุขได้ อยากได้สิ่งที่คนอื่นมี
พระเจ้าบอกไม่ให้เรามีพระอื่นใด ไม่ยอมให้สิ่งใดมาสำคัญกว่าพระองค์ หมายความว่าเราไม่ยอมให้สิ่งใด ๆ มาขัดขวางเราไม่ให้เชื่อฟังและนมัสการพระเจ้าอย่างที่พระองค์ทรงสมควรได้รับ
หลังจากใช้คำสั่งหลายตอนเพื่อแสดงให้เห็นว่าคนบาปมีความผิด เราจะเข้าสู่บทสรุป
แอนเดร: ถ้าพระเจ้าพิพากษาคุณวันนี้ คุณจะไม่ผ่าน คุณจะเป็นคนผิดโดยมาตรฐานของพระองค์ คุณอยากรู้วิธีที่จะได้รับการยกโทษเพื่อคุณจะไม่ต้องกลัวการพิพากษาของพระเจ้าไหม?
(จากนั้นผู้ประกาศข่าวประเสริฐสามารถแบ่งปันข่าวประเสริฐและเชื้อเชิญคนบาปให้อธิษฐาน)
ให้นักศึกษาสองคนสาธิตบทสนทนาโดยคนหนึ่งนำเสนอข่าวประเสริฐโดยใช้พระบัญญัติสิบประการ ทั้งกลุ่มสามารถอภิปรายการสาธิตของพวกเขา จากนั้นให้นักศึกษาจับคู่และฝึกนำเสนอข่าวประเสริฐ
► คุณรู้ได้อย่างไรว่าการนำเสนอข่าวประเสริฐนั้นสำเร็จ?
เห็นได้ชัดว่าถ้าคน ๆ หนึ่งเลือกกลับใจใหม่และรับความรอดหลังจากเรานำเสนอข่าวประเสริฐ เรารู้ว่าประสบความสำเร็จ แต่นั่นไม่ใช่การวัดความสำเร็จเพียงอย่างเดียว พระเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบในการตรึงความจริงไว้ในใจของผู้ฟัง หากคุณนำเสนอข่าวประเสริฐในแบบที่ผู้ฟังเข้าใจ แสดงว่าคุณทำสิ่งสำคัญสำเร็จลุล่วงไปแล้วแม้ว่าคุณจะไม่เห็นผล ถ้าเขารู้สึกว่าคุณเป็นห่วงและปรารถนาจะช่วยเขา นั่นก็ดีเช่นกัน ถ้าเขาโกรธหรือเยาะเย้ย ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาโกรธเพราะความจริง พระเจ้าได้รับเกียรติจากข่าวประเสริฐ เมื่อคุณสื่อสาร คุณก็ประสบความสำเร็จกับสิ่งที่สำคัญแล้ว
นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการนำเสนอข่าวประเสริฐ การที่นักศึกษาเรียนรู้ที่จะใช้วิธีนี้เป็นสิ่งสำคัญ ในชั่วโมงเรียนถัดไป ให้เวลาพวกเขาเล่าประสบการณ์เมื่อพวกเขาพยายามแบ่งปันข่าวประเสริฐด้วยวิธีนี้ ให้พวกเขาหนุนใจและแนะนำซึ่งกันและกัน การใช้ชั่วโมงเรียนเพื่อทำสิ่งนี้อาจคุ้มค่า และรอขึ้นบทเรียนต่อไปในครั้งหน้า
นำเสนอข่าวประเสริฐให้กับคนอย่างน้อยสามคนโดยใช้วิธีการของแอนเดรในบทเรียนนี้ เขียนอธิบายหนึ่งย่อหน้าเกี่ยวกับแต่ละบทสนทนา เตรียมพร้อมเพื่อแบ่งปันในชั่วโมงเรียนถัดไป
SGC exists to equip rising Christian leaders around the world by providing free, high-quality theological resources. We gladly grant permission for you to print and distribute our courses under these simple guidelines:
All materials remain the copyrighted property of Shepherds Global Classroom. We simply ask that you honor the integrity of the content and mission.
Questions? Reach out to us anytime at info@shepherdsglobal.org
Total
$21.99By submitting your contact info, you agree to receive occasional email updates about this ministry.
Download audio files for offline listening
No audio files are available for this course yet.
Check back soon or visit our audio courses page.
Share this free course with others