บทนำ
► อ่านเอเฟซัส 1:4-9 อะไรคือหลักคำสอนที่สำคัญในพระธรรมตอนนี้?
Search through all lessons and sections in this course
Searching...
No results found
No matches for ""
Try different keywords or check your spelling
1 min read
by Stephen Gibson
► อ่านเอเฟซัส 1:4-9 อะไรคือหลักคำสอนที่สำคัญในพระธรรมตอนนี้?
คริสตจักรที่ประกาศข่าวประเสริฐคือคริสตจักรที่สอนพระคัมภีร์เกี่ยวกับข่าวประเสริฐแห่งความรอดโดยพระคุณผ่านทางความเชื่อเท่านั้น ไม่มีการดีใด ๆ ของมนุษย์ที่เพิ่มเข้ามาในการลบบาปของพระคริสต์จะสามารถช่วยเราให้สมควรรับความรอดได้
การประกาศข่าวประเสริฐแท้คือลำดับความสำคัญของคริสตจักรที่ประกาศข่าวประเสริฐ เพราะผู้คนที่เชื่อในข่าวประเสริฐรู้ว่าการประกาศสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
ข่าวประเสริฐคือทรัพย์สมบัติแท้จริงที่พระเจ้ามอบไว้กับคริสตจักรที่ปรารถนาแบ่งปันข่าวประเสริฐให้กับโลกนี้
มีคุณสมบัติบางประการที่เป็นลักษณะของคริสตจักรที่ประกาศข่าวประเสริฐ คุณสมบัติเหล่านี้มีหลายประการดังนี้
1. ผู้ประกาศข่าวประเสริฐเชื่อในสิทธิอำนาจสูงสุดของพระคัมภีร์ การปฏิเสธสิทธำนาจของพระคัมภีร์ทำให้ข่าวประเสริฐมีความน่าสงสัย
2. ผู้ประกาศข่าวประเสริฐเชื่อในรากฐานหลักคำสอนของคริสเตียนที่มีในประวัติศาสตร์ การปฏิเสธหลักคำสอนเหล่านั้นเป็นการขัดแย้งกับข่าวประเสริฐ ยกตัวอยางเช่น ลัทธิต่าง ๆ ที่ปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์ก็ปฏิเสธว่าการงานในการลบบาปของพระองค์ไม่เพียงพอสำหรับความรอด และสอนข่าวประเสริฐที่เน้นการประพฤติแทน
3. คริสตจักรที่ประกาศข่าวประเสริฐเน้นประสบการณ์ส่วนตัวฝ่ายวิญญาณ คุณสมบัตินี้ยังคงอยู่เพราะพวกเขาเชื่อในการกลับใจมาเชื่อเป็นการส่วนตัวและความเชื่อที่เกิดจากจิตสำนึก เนื่องจากความเชื่อนี้ ผู้ประกาศข่าวประเสริฐจึงเน้นการประกาศให้กับคนที่ยังไม่เชื่อกับการสร้างจิตวิญญาณของผู้เชื่อ
► คริสตจักรของคุณสำแดงถึงคุณสมบัติเหล่านี้ไหม? มีคุณสมบัติอย่างอื่นที่แสดงให้เห็นว่าข่าวประเสริฐเป็นลำดับความสำคัญด้วยไหม?
[1]ข่าวประเสริฐให้มิชชันแก่คริสตจักร คริสตจักรที่ไม่ได้ให้ข่าวประเสริฐเป็นลำดับความสำคัญก็หลงลืมมิชชันที่พระเจ้าให้ไว้
เราได้ศึกษาพระมหาบัญชาในมัทธิว 28:18-20 อะไรคือมิชชันเบื้องต้นของคริสตจักร?
ข่าวประเสริฐสร้างคริสตจักรในทุกที่ที่มีการประกาศข่าวประเสริฐ คริสตจักรที่แท้จริงตลอดประวัติศาสตร์ถูกพบว่าอยู่ในที่ที่มีการประกาศข่าวประเสริฐ มรดกของคริสตจักรตั้งแต่สมัยของพวกอัครทูตไม่ได้ถูกค้นพบในความต่อเนื่องของสถาบันต่าง ๆ แต่พบในความต่อเนื่องของการประกาศข่าวประเสริฐอย่างสัตย์ซื่อ
สถาบันทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นโดยคริสตจักรควรรับใช้โดยให้ข่าวประเสริฐเป็นลำดับสำคัญแรก ยกตัวอย่างเช่น โปรแกรมสำหรับอบรมศิษยาภิบาลควรเตรียมพวกเขาให้นำคริสตจักรเพื่อบรรลุเป้าหมายที่เป็นมิชชันของคริสตจักร คือการประกาศข่าวประเสริฐและการสร้างสาวก
สถาบันต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะตั้งอยู่เพื่อเป้าหมายของตัวเองและหลงลืมมิชชันดั้งเดิม การเน้นข่าวประเสริฐนำไปสู่การปฏิรูปสถาบันหรือองค์กรเสมอ
คริสตจักรสร้างประเพณีแห่งความเชื่อ รูปแบบการนมัสการ การดำเนินชีวิตแบบคริสเตียน และนโยบายของคริสตจักร แต่การเน้นข่าวประเสริฐนำไปสู่การปฏิรูปประเพณี
“มีความเชื่อมโยงกันโดยตรงระหว่างความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์กับพันธกิจโลกของคริสตจักร สิ่งนี้ชัดเจนในการบันทึกของมัทธิวเรื่องพระมหาบัญชา สิ่งนี้ถูกต้องแม่นยำเพราะสิทธิอำนาจทั้งสิ้นในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก
พระเจ้าพระบิดาได้มอบให้กับพระเจ้าพระบุตรแล้ว
เพื่อคริสตจักรจะรับผิดชอบในการสร้างชนทุกชาติให้เป็นสาวก”
- เจ เฮอร์เบิร์ต คาเน “การงานของการประกาศข่าวประเสริฐ”
(1) การกลายเป็นสถาบัน
เมื่อคริสตจักรทำงานเพื่อบรรลุผลสำหรับมิชชันในการประกาศ คริสตจักรจำเป็นจะต้องวางแผน สร้างทีม ผลิตโปรแกรมต่าง ๆ และแสวงหาการสนับสนุน คริสตจักรสร้างสถาบันต่าง ๆ เพื่อรับใช้วัตถุประสงค์ต่าง ๆ ในเชิงปฏิบัติ บ่อยครั้งสถาบันต่าง ๆ ถูกสร้างในช่วงที่มีการฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณเมื่อผู้คนอุทิศตัวและคริสตจักรได้รับการกระตุ้นให้บรรลุผลสำเร็จสำหรับมิชชัน
สถาบันต่าง ๆ เป็นสิ่งจำเป็น สถาบันคือองค์กรระยะยาวที่ประกอบไปด้วยผู้คนและทรัพยากรต่าง ๆ ถ้าปราศจากสถาบันต่าง ๆ ก็จะไม่มีอาคารคริสตจักร ไม่มีมิชชันคนต่างชาติ ไม่มีการตีพิมพ์พระคัมภีร์หรืองานเขียนใด ๆ ไม่มีโรงเรียนคริสเตียนหรือโปรแกรมการศึกษา และไม่มีการสนับสนุนทางการเงินสำหรับพันธกิจ แม้แต่คริสตจักรท้องถิ่นเองก็เป็นสถาบันหนึ่งที่จะไม่สามารถตั้งอยู่ได้จนกว่าผู้คนจะอุทิศตัวต่อคริสตจักร
ถ้าหากสถาบันหนึ่งประสบความสำเร็จ อาจเป็นสถาบันใหญ่ที่มีคนจำนวนมากและงบประมาณมหาศาล ในการธำรงรักษาสถาบันนั้นเอาไว้จะต้องใช้ความพยายามและค่าใช้จ่ายอย่างมาก บางครั้งผู้คนที่ทำงานในสถาบันนั้นจะเริ่มรู้สึกว่าการสร้างสถาบันกลายเป็นเป้าหมายเบื้องต้น พวกเขาคิดว่าการทำงานของพวกเขานั้นก็เพื่อธำรงรักษาสถาบันให้ดำเนินต่อไปได้มากกว่าที่จะทำให้มิชชันของสถาบันนั้นสำเร็จ
แม้ว่าสถาบันจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่สถาบันเหล่านั้นต้องได้รับการประเมินบ่อยครั้งและปฏิรูปโดยให้ข่าวประเสริฐเป็นลำดับความสำคัญแรก
(2) การทำให้ศาสนากลายเป็นธุรกิจ
เนื่องจากพันธกิจมีศักยภาพในการหาเงิน จึงมีบางคนเริ่มต้นทำพันธกิจแบบธุรกิจ การที่พันธกิจจะขายสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ได้เป็นความผิดอันใด และการที่พันธกิจแสวงหาการสนับสนุนทางการเงินก็ไม่ผิด อย่างไรก็ตามถ้าหากบุคคลหนึ่งมีเงินเป็นแรงจูงใจสำคัญมากกว่าข่าวประเสริฐ ใจของเขาไม่ถูกต้องและการงานของเขาก็ไม่ได้ทำให้พระเจ้าพอพระทัย (1 เปโตร 5:1-2, 2 เปโตร 2:3)
ซีโมนเป็นคนหนึ่งที่ต้องการของประทานฝ่ายวิญญาณเพื่อเขาจะมีตำแหน่งและหาผลกำไรทางการเงิน แต่อัครทูตบอกเขาว่าใจของเขาไม่ถูกต้อง (กิจการ 8:18-23)
► อะไรคือความผิดที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ศิษยาภิบาลคนหนึ่งพยายามขายคริสตจักรของเขา? อะไรคือความเข้าใจที่ผิดของเขาเกี่ยวกับสิ่งที่คริสตจักรเป็น?
(3) การผสานความเชื่อ
การผสานความเชื่อคือ การผสมผสานศาสนาคริสต์เข้ากันกับความเชื่อที่แตกต่างและการปฏิบัติจากอีกศาสนาหนึ่ง ตัวอย่างหนึ่งของการผสานความเชื่อที่อยู่ในยุคพันธสัญญาใหม่คือ ศาสนาของชาวสะมาเรีย พวกคนต่างชาติที่นมัสการรูปเคารพได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเขตแดนอิสราเอล และผสมผสานศาสนาของอิสราเอลเข้ากับรูปเคารพของพวกเขา พระเยซูตรัสว่าพวกเขาไม่รู้จักสิ่งที่พวกเขานมัสการ (ยอห์น 4:22)
อีกตัวอย่างของการผสานความเชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ของเฮติ เมื่อเฮติเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ทาสจากแอฟริกาต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ พวกเขาผสมผสานศาสนาเดิมเข้ากับนิกายโรมันคาทอลิก ชาวเฮติจำนวนมากยังคงนับถือลัทธิวูดู ซึ่งเป็นการบูชาวิญญาณ แต่ใช้สัญลักษณ์คริสเตียนและชื่อของนักบุญคริสเตียน
บางครั้งการผสานความเชื่อเกิดขึ้นเพราะศาสนาคริสต์เข้าร่วมกับประเทศที่ยึดครองอีกประเทศหนึ่ง ผู้คนจำเป็นต้องเอาใจประเทศที่เป็นฝ่ายยึดครอง ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับประเพณีทางศาสนาของประเทศนั้นแต่ก็ยังยึดถือความเชื่อเดิมของพวกเขา
► มีตัวอย่างการผสมผสานศาสนาคริสต์เข้ากับศาสนาอื่น ๆ อะไรบ้างที่คุณเห็น?
แรงจูงใจทางโลกสามารถทำให้เกิดการผสานความเชื่อได้ ถ้าหากผู้คนคิดว่าการยอมรับข่าวประเสริฐจะนำผลประโยชน์ทางการเงิน อิทธิพลทางการเมือง หรือความพึงพอใจจากคนที่มีอิทธิพลมาให้พวกเขา พวกเขาก็อาจยอมรับรูปแบบภายนอกของศาสนาคริสต์โดยที่ไม่ได้กลับใจมาเชื่ออย่างแท้จริง จากนั้นพวกเขาก็ยังคงทำตามความเชื่อและวิถีปฏิบัติเดิม แต่ก็เรียกตัวเองว่าเป็นคริสเตียน ดีที่สุดคือเมื่อคริสตจักรสามารถประกาศข่าวประเสริฐโดยไม่ต้องนำเสนอสิ่งใด ๆ ที่เป็นสาเหตุทำให้ผู้คนตอบสนองด้วยแรงจูงใจที่ผิด
ศาสนาคริสต์ดูเหมือนเป็นศาสนาต่างชาติเมื่อข่าวประเสริฐถูกนำไปโดยมิชชันนารีต่างชาติ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องสำคัญสำหรับศาสนาคริสต์ที่จะได้รับการปลูกฝังในแต่ละวัฒนธรรมและอยู่ในรูปแบบของวัฒนธรรมท้องถิ่นนั้น ข่าวประเสริฐไม่ควรดำเนินไปในรูปแบบของศาสนาของคนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม การที่มิชชันนารีและผู้ประกาศสังเกตเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ของวัฒนธรรมหนึ่งซึ่งไม่สามารถเข้ากันกับศาสนาคริสต์เป็นเรื่องที่สำคัญ การสังเกตเห็นนี้เป็นกระบวนการที่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากคริสเตียนในท้องถิ่นและไม่สามารถทำสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
(4) ศาสนาที่สังคมให้ความนิยม
บางครั้งศาสนาถือเป็นศาสนาประจำชาติ ตัวอย่างเช่น ในบางประเทศ คนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ในประเทศอื่น ๆ คนส่วนใหญ่ถือว่าตนเองเป็นนิกายโรมันคาธอลิก หลายคนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางศีลธรรมของศาสนาอย่างแท้จริง และปฏิบัติตามประเพณีทางศาสนาเป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่พวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นสาวกของศาสนานั้น
หลายคนเรียกตัวเองว่าคริสเตียนเพราะในวงสังคมของพวกเขาคนดีทุกคนถือเป็นคริสเตียน พวกเขาไม่ได้กลับใจจริงๆ พวกเขาปฏิบัติตามมาตรฐานทางศีลธรรมของตนเอง
ข่าวประเสริฐคือเสียงเรียกให้กลับใจใหม่และยอมจำนนต่อพระคริสต์ พระเยซูตรัสว่าคนๆ หนึ่งไม่สามารถเป็นสาวกของพระองค์ได้จนกว่าเขาจะยอมรับการตายต่อการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและมาเป็นสาวกที่แท้จริง (ลูกา 9:23)
คำนิยามของคริสเตียนคนหนึ่งไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นที่นิยมในสังคมที่เต็มไปด้วยความบาปได้ มาตรฐานทางศีลธรรมทั่วไปในสังคมมักจะต่ำกว่ามาตรฐานทางศีลธรรมของคริสเตียน คริสเตียนแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกับโลกนี้
► ศาสนาคริสต์ที่ได้รับความนิยมโดยปราศจากการกลับใจใหม่มักจะแสดงตัวให้เห็นในสังคมของคุณอย่างไร?
(5) การนับถือลัทธินิกาย
เราไม่สามารถคาดหวังให้คริสเตียนทุกคนเห็นด้วยกับหลักคำสอนทุกอย่าง มีความแตกต่างกันในท่ามกลางคริสเตียน ถึงแม้พวกเขายอมรับพระคัมภีร์ว่าเป็นสิทธิอำนาจสำหรับหลักคำสอนของพวกเขาก็ตาม
บางครั้งคริสตจักรต่าง ๆ จะเน้นหลักคำสอนที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากคริสตจักรอื่น ๆ แต่หลักคำสอนเหล่านั้นไม่ได้สำคัญเท่ากับหลักคำสอนที่เป็นรากฐานของศาสนาคริสต์ คริสตจักรไม่ควรพูดว่าคริสตจักรอื่น ๆ ไม่ใช่คริสเตียนแท้ ถ้าหากคริสตจักรเหล่านั้นสอนเกี่ยวกับเนื้อแท้ของข่าวประเสริฐ
คริสตจักรหนึ่งไม่ควรสร้างเอกลักษณ์ของตนโดยการโจมตีคริสตจักรอื่น แต่ควรสถาปนาตัวเองด้วยข่าวประเสริฐก่อน จากนั้นจึงสร้างการสามัคคีธรรมของกลุ่มสมาชิกที่ผูกพันตัว
► อะไรคือมาตรฐานที่จะทำให้คริสตจักรหนึ่งยอมรับอีกคริสตจักรหนึ่งว่าเป็นคริสเตียนแท้จริง?
(6) ความไม่สมดุลของหลักคำสอน
แม้แต่หลักคำสอนที่แท้จริงก็สามารถได้รับการเน้นจนดูเหมือนขัดแย้งกันกับความจริงอย่างอื่น โดยการเน้นที่พระคุณ คริสตจักรอาจลดทอนการเชื่อฟังพระเจ้าลง โดยการเน้นวินาทีที่กลับใจมาเชื่อ คริสตจักรอาจหลงลืมกระบวนการสร้างสาวก ในขณะที่การเน้นถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้าต่อคนที่หันหลังกลับ คริสตจักรอาจล้มเหลวในการเตือนถึงอันตรายของการละทิ้งความเชื่อ ในขณะที่ยกย่องของประทานฝ่ายวิญญาณ คริสตจักรอาจล้มเหลวในการยกย่องชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ลึกกับพระเจ้าและคุณลักษณะของคริสเตียน
ความไม่สมดุลในหลักคำสอนมีปรากฏให้เห็นตลอดเวลาที่ผ่านมาและมีผลกระทบในระยะยาว คำสอนใด ๆ ที่ (1) เป็นสาเหตุให้ละเลยต่อความบาป (2) ขจัดความมั่นใจในความรอดออกไป (3) ทำให้ยากลำบากมากขึ้นในการที่คนจะตอบสนองต่อข่าวประเสริฐ หรือ (4) ปิดบังข่าวประเสริฐ เหล่านี้ล้วนเป็นหลักคำสอนที่ไม่สมดุล
มีบางช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ของคริสตจักรที่ดูเหมือนว่าข่าวประเสริฐจะถูกลืมโดยสถาบันต่าง ๆ ที่มีขนาดใหญ่ ความผิดพลาดในลักษณะของสถาบันนิยม การผสานความเชื่อ และความไม่สมดุลของหลักคำสอนกลับเป็นสิ่งที่มองเห็นจับต้องได้มากกว่าข่าวประเสริฐ พวกผู้นำที่ควรจะเป็นแบบอย่างฝ่ายวิญญาณแต่กลับแสดงให้เห็นถึงแรงจูงใจที่ผิด มีคุณลักษณะชีวิตที่ไม่ถูกต้อง และสนใจแต่สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นของโลกนี้
บางครั้งพระเจ้าส่งการฟื้นฟูครั้งใหญ่มายังคริสตจักร การฟื้นฟูที่ให้ผลลัพธ์ระยะยาวและกว้างไกลมีอยู่สามด้าน
1. มีการปฏิรูปทางศาสนศาสตร์ เมื่อความจริงฝ่ายวิญญาณที่ถูกละเลยได้รับการรื้อฟื้นคืนกลับมา
2. มีการเริ่มต้นใหม่ฝ่ายวิญญาณซึ่งทำให้มีการอธิษฐานมากขึ้น นมัสการอย่างต่อเนื่อง และมีคนจำนวนมากมายกลับใจมาเชื่อ
3. มีวิธีการใหม่ในการทำพันธกิจ เมื่อคริสตจักรค้นพบวิธีการใหม่ในการประกาศข่าวประเสริฐและสร้างสาวก
กลุ่มปฏิรูปโปรเตสแตนต์ (ทั่วยุโรปในทศวรรษที่ 1500) เป็นการฟื้นฟูเกี่ยวกับข่าวประเสริฐแห่งความรอดโดยพระคุณผ่านความเชื่อเท่านั้น ผู้คนหลายพันคนมีประสบการณ์การกลับใจมาเชื่อ พระคัมภีร์ได้รับการแปลเป็นภาษาทั่วไปและเผยแพร่
กลุ่มอนาแบ็พติสต์ (ทั่วทั้งยุโรปในช่วงทศวรรษที่ 1500 และหลังจากนั้น) เป็นกลุ่มคนที่รู้สึกกังวลใจเนื่องจากมีผู้ติดตามการปฏิรูปศาสนาจำนวนมากที่คิดว่าการเชื่อหลักคำสอนที่ถูกต้องก็เพียงพอแล้วสำหรับความรอด หลายคนอ้างตัวว่าจะยอมรับความจริงของข่าวประเสริฐแต่ไม่เคยกลับใจมาเชื่อ พวกอนาแบ็พติสต์เน้นการกลับใจมาเชื่อแบบส่วนตัว
กลุ่มไพอะทิส (ช่วงปลายทศวรรษที่ 1600 ในประเทศเยอรมัน) เป็นกลุ่มคนที่ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นสาวก พวกเขาได้พัฒนาพันธกิจแบบกลุ่มย่อยและระบบการฝึกอบรมผู้เชื่อให้เป็นคริสเตียนที่เติบโต
กลุ่มฟื้นฟูเมธอดิสท์ (ช่วงปลายทศวรรษที่ 1700 ในประเทศอังกฤษ) ได้เริ่มต้นพันธกิจของ จอห์น เวสเลย์ พวกปุโรหิตส่วนใหญ่ของเชิร์ชออฟอิงแลนด์ปฏิเสธว่าความมั่นใจในความรอดของบุคคลเป็นไปได้ เวสเลย์เทศนาว่าแต่ละคนสามารถรู้ว่าเขามีความเชื่อที่มีชีวิตในพระคริสต์และมั่นใจในความรอดจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
► อะไรคือความจริงสำคัญที่คุณจำเป็นต้องเน้นในสังคมของคุณ?
สถาบันของคริสเตียนมากมาย ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก (รวมถึงคริสตจักรท้องถิ่น) ได้เริ่มต้นอุทิศตัวต่อลำดับความสำคัญของข่าวประเสริฐ เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขากลับถูกเบี่ยงเบนไปจากลำดับความสำคัญนั้น
เพื่อเริ่มต้นคริสตจักรที่เกิดผลใหม่อีกครั้ง เราไม่จำเป็นต้องมีหลักคำสอนแปลกใหม่หรือการสำแดงใหม่ สิ่งที่เราจำเป็นต้องมีคือการฟื้นฟูหลักการประกาศเรื่องลำดับความสำคัญของข่าวประเสริฐ
คุณจะเริ่มต้นชั้นเรียนครั้งต่อไปด้วยการสอบสำหรับบทที่ 5 ขอให้เตรียมตัวด้วยการศึกษาหาคำตอบสำหรับคำถามที่เป็นข้อสอบเหล่านี้อย่างละเอียด
(1) คุณสมบัติสามประการของคริสตจักรที่ประกาศข่าวประเสริฐมีอะไรบ้าง?
(2) หกวิธีที่อาจทำให้คริสตจักรหลงไปจากการให้ข่าวประเสริฐเป็นลำดับความสำคัญแรกมีอะไรบ้าง?
(3) สัญญาณสี่อย่างของหลักคำสอนที่ไม่สมดุลมีอะไรบ้าง?
(4) สามด้านของการฟื้นฟูระยะยาวคืออะไร?
(5) เขียนคำกล่าวที่เป็นความจริงเกี่ยวกับแต่ละกลุ่มต่อไปนี้
กลุ่มปฏิรูปโปรแตสแตนท์
กลุ่มอนาแบ็พติสต์
กลุ่มไพอะทิส
กลุ่มฟื้นฟูเมธอดิสท์
SGC exists to equip rising Christian leaders around the world by providing free, high-quality theological resources. We gladly grant permission for you to print and distribute our courses under these simple guidelines:
All materials remain the copyrighted property of Shepherds Global Classroom. We simply ask that you honor the integrity of the content and mission.
Questions? Reach out to us anytime at info@shepherdsglobal.org
Total
$21.99By submitting your contact info, you agree to receive occasional email updates about this ministry.
Download audio files for offline listening
No audio files are available for this course yet.
Check back soon or visit our audio courses page.
Share this free course with others