บทนำ
► คุณคิดว่าหน้าที่ในการประกาศข่าวประเสริฐเวลานี้แตกต่างจากสมัยพันธสัญญาใหม่อย่างไร?
► คุณคิดว่าการประกาศข่าวประเสริฐในประเทศของคุณแตกต่างจากยุคสมัยที่มิชชันนารีคนแรกเข้ามาอย่างไรบ้าง?
Search through all lessons and sections in this course
Searching...
No results found
No matches for ""
Try different keywords or check your spelling
1 min read
by Stephen Gibson
► คุณคิดว่าหน้าที่ในการประกาศข่าวประเสริฐเวลานี้แตกต่างจากสมัยพันธสัญญาใหม่อย่างไร?
► คุณคิดว่าการประกาศข่าวประเสริฐในประเทศของคุณแตกต่างจากยุคสมัยที่มิชชันนารีคนแรกเข้ามาอย่างไรบ้าง?
จอห์น วิคลิฟ เป็นศิษยาภิบาลในประเทศอังกฤษ เขามีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1324-1384 ในช่วงเวลานั้น พระคัมภีร์ไม่ได้มีในภาษาที่ประชาชนเข้าใจได้ พวกเขาจึงต้องพึ่งพาสิ่งที่คริสตจักรโรมันคาธอลิกสอน คนส่วนใหญ่ไม่รู้ข่าวประเสริฐ แม้พวกนักบวชคาธอลิกมากมายก็ไม่รู้พระคัมภีร์มากนัก พวกนักบวชเดินทางไปยังประเทศนั้นเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาและร้องขอเงิน คริสตจักรส่วนใหญ่ถูกพวกนักบวชที่ไม่ได้เทศนาข่าวประเสริฐควบคุม วิคลิฟและผู้ช่วยของเขาได้แปลพระคัมภีร์เป็นภาษาอังกฤษ ตอนนั้นยังไม่สามารถตีพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ได้ พวกเขาจึงคัดสำเนาพระคัมภีร์ด้วยมือ พวกเขาเดินทางไปเป็นคู่ ๆ และสอนพระคัมภีร์ให้กับกลุ่มต่าง ๆ ในทุกที่ ผู้คนเรียกพวกเขาว่าเป็น “นักบวชผู้ยากไร้” เพราะพวกเขาไม่ได้ร้องขอเงิน
วิธีการประกาศข่าวประเสริฐต้องได้รับการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทของสังคมต่าง ๆ วิคลิฟและผู้ช่วยของเขาบรรลุผลส่วนที่เป็นบรรทัดฐานของข่าวประเสริฐ พวกเขาเอาคำสอนจากพระคัมภีร์ไปให้กับผู้คนโดยตรง
.jpg)
จอห์น เวสเลย์ มีชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษช่วงปี 1703-1791[1] ในเวลานั้นคริสตจักรแองกลิกันได้กลายเป็นคริสตจักรของคนรวย พวกเขาเน้นพิธีทางศาสนาและไม่ได้สอนข่าวประเสริฐอย่างชัดเจน คนยากจนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ไม่ได้รับการต้อนรับในคริสตจักรต่าง ๆ และไม่รู้ข่าวประเสริฐ เวสเลย์เป็นนักบวชชาวแองกลิกัน แต่เขาอยากให้ประชาชนรู้ข่าวประเสริฐ ในเช้าวันหนึ่ง เขาไปที่ทุ่งนาซึ่งมีคนงานเหมืองจำนวนมากผ่านระหว่างเดินทางไปทำงาน เขาเทศนาและมีหลายคนหยุดฟัง หลังจากนั้นเขาก็เทศนาข้างนอกเกือบทุกวันไปจนตลอดชีวิต คนนับหลายพันคนกลับใจมาเชื่อผ่านทางพันธกิจของเขา
► มิชชันนารีคนใดที่ได้รับการรำลึกถึงว่าเป็นมิชชันนารีคนแรกที่นำข่าวประเสริฐมาในพื้นที่ของคุณ?
ในปี 2003 มีชายคนหนึ่งเดินทางในกรุงลอนดอนพร้อมกับครอบครัวของเขา พวกเขาหยุดพักที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนบนเนินเขาในสวนนั้น เธอมีพระคัมภีร์เล่มหนึ่งและกำลังพูด เขาเข้าไปใกล้จนได้ยินว่าเธอกำลังพูดถึงบางสิ่งเกี่ยวกับศาสนา เขาสังเกตว่าเธอมีเพื่อนคนหนึ่งยืนใกล้ ๆ ดังนั้นเขาจึงถามเพื่อนคนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนคนนั้นตอบว่า “เราอยู่ในกลุ่มที่รักษาธรรมเนียมการเทศนาข้างนอกเหมือนกับที่เวสเลย์ทำ บางครั้งเราไปสถานที่สาธารณะเพื่อเทศนา” แต่ชายคนนั้นสังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นยืนตรงจุดที่มีน้อยคนผ่านไป มีไม่กี่คนที่ได้ยินเธอ และลักษณะของเธอไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนภายนอกได้ เธอพยายามทำตามธรรมเนียม แต่สูญเสียสิ่งพื้นฐานที่ทำให้วิธีการนั้นใช้ได้ผล
วิธีการต่าง ๆ ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ บางครั้งผู้คนคิดเอาเองว่ามีเพียงวิธีการเดียวในการประกาศข่าวประเสริฐ และพวกเขายังคงใช้วิธีการที่ใช้ไม่ได้ผลแล้วต่อไปเรื่อย ๆ บางครั้งผู้คนคิดว่าวิธีการหนึ่งที่ใช้ได้ผลในที่หนึ่งก็จะใช้ได้ผลในที่อื่น ๆ ทุกที่ ซึ่งมันไม่จริง
ในหลายพื้นที่ที่คริสตจักรได้ประกาศข่าวประเสริฐด้วยการไปตามบ้านต่าง ๆ และเคาะประตูบ้านเพื่อพบกับคนที่พวกเขาไม่เคยเจอ วิธีการนั้นทำให้คนกลับใจมาเชื่อมากมาย แต่ไม่สามารถใช้ได้ผลกับทุกที่
บางคริสตจักรได้ซื้อรถโดยสารและเสนอตัวรับคนมาที่คริสตจักร ในเช้าวันอาทิตย์ พวกเขาขับรถบัสตระเวณไปทั่วหมู่บ้านเพื่อรับคน มีคนมากมายได้กลับใจมาเชื่อโดยผ่านทาง “พันธกิจรถบัส” แต่วิธีการนี้ไม่สามารถใช้ได้ผลกับทุกที่
หลายคริสตจักรประกาศข่าวประเสริฐโดยการเทศนาข่าวประเสริฐให้กับฝูงชนที่เข้ามาในตัวอาคารของคริสตจักรตอนวันอาทิตย์ พวกเขาเชิญผู้คนให้มาคุกเข่าข้างหน้าเพื่ออธิษฐานรับความรอด คนนับหลายพันได้กลับใจมาเชื่อด้วยวิธีการนี้ แต่คนที่ยังไม่ได้รับความรอดส่วนใหญ่ไม่มาคริสตจักร คนจำนวนมากจะไม่ได้ยินข่าวประเสริฐจนกว่าจะมีใครบางคนแบ่งปันกับเขาส่วนตัวผ่านทางบทสนทนา
อัครทูตเปาโลเป็นแบบอย่างของการปรับวิธีประกาศข่าวประเสริฐ เขาสามารถพูดในธรรมศาลาของคนยิวได้เพราะเขาเป็นอาจารย์ชาวยิวที่มีคุณสมบัติ และเขาอธิบายว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ เขายังพูดในสถานที่ที่ผู้คนมารวมตัวเพื่อนำเสนอแนวคิดทางปรัชญาต่าง ๆ บางครั้งเขาพูดในย่านธุรกิจ บ่อยครั้งเขาพูดกับกลุ่มต่าง ๆ ที่อยู่ในบ้าน
ผู้คนต่างใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อเริ่มต้นสนทนาเกี่ยวกับข่าวประเสริฐ บางคริสตจักรใช้แบบสอบถาม พวกเขาไปตามชุมชนและถามคำถามเช่น “คุณคิดว่าคริสตจักรควรทำอะไรให้กับชุมชนบ้าง? ศาสนาคริสต์มีหลักข้อเชื่ออะไรที่สำคัญที่สุด? คุณอธิบายว่าคริสเตียนเป็นใครได้ไหม? คน ๆ หนึ่งจะมาเป็นคริสเตียนได้อย่างไร?” หลังจากอดทนฟังข้อคิดเห็นของคนนั้นแล้ว คนที่เป็นคริสเตียนอาจถามว่า “ผมขอเล่าตามความเชื่อของเราในพระคัมภีร์ว่าคริสเตียนเป็นใครได้ไหมครับ?”
บางครั้งผู้ประกาศข่าวประเสริฐตามที่สาธารณะจะดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยการวาดภาพระบายสีหรือเขียนแผนผังเพื่ออธิบายข่าวประเสริฐ บางคนวาดภาพด้วยชอล์ค ผู้ประกาศข่าวประเสริฐบางคนวาดภาพระบายสีบนกระดานในขณะที่เขาเล่าเรื่อง[1]
บางคริสตจักรจัดสัมมนาหัวข้อในเชิงปฏิบัติที่จำเป็นต่อผู้คนในชุมชนของพวกเขา หัวข้อเช่น การสมรส การเลี้ยงลูก หลักการทำธุรกิจ สุขภาพ หรือการฝึกอบรมเพื่อทำงานเฉพาะด้าน คริสตจักรกำลังทำสิ่งที่ดีเมื่อเขารับใช้เพื่อตอบสนองต่อความจำเป็นที่มีในชุมชน คริสตจักรมีความรับผิดชอบในการแสดงให้เห็นวิธีการนำเอาความจริงจากพระคัมภีร์มาใช้ในชีวิตประจำวัน สัมมนาอาจไม่ได้นำเสนอข่าวประเสริฐโดยตรง แต่สอนหลักความจริงจากพระคัมภีร์และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรกับเพื่อนบ้าน
บางคริสตจักรตั้งสถานีอธิษฐานแบบชั่วคราวในที่สาธารณะซึ่งมีผู้คนมากมายผ่านไปมา พวกเขาเขียนป้ายติดไว้ว่า “สถานีอธิษฐาน” และเสนอตัวอธิษฐานเผื่อผู้คนที่ผ่านไปมา พวกเขาถามว่า “คุณมีเรื่องจำเป็นที่ให้เราอธิษฐานเผื่อไหม?” พวกเขาแสดงความห่วงใยถึงความต้องการและไม่โต้แย้ง บ่อยครั้งพวกเขามีโอกาสแบ่งปันข่าวประเสริฐ[2]
ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญมากที่สุดสำหรับวิธีการประกาศข่าวประเสริฐคือการนำเสนอข่าวประเสริฐอย่างชัดเจนให้กับผู้คนที่ต้องการได้ยิน เนื่องจากพระเจ้าให้ฤทธิ์เดชแก่พระวจนะของพระองค์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ทำให้คนที่ได้ยินสำนึกในใจ วิธีการประกาศข่าวประเสริฐจะเกิดผลมากกว่าถ้าหากการสื่อสารข่าวประเสริฐนั้นชัดเจนและตรงไปตรงมา
ความท้าทายของคริสตจักรในทุกที่และทุกเวลาคือการค้นหาวิธีดึงดูดความสนใจของผู้คนและสื่อสารข่าวประเสริฐในสังคมทุกรูปแบบ
► คริสตจักรในเมืองของคุณใช้วิธีการใดเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน? วิธีการเหล่านั้นได้สื่อสารข่าวประเสริฐไหม?
รูปแบบการประกาศข่าวประเสริฐที่เกิดผลมากที่สุด คือเมื่อคน ๆ หนึ่งอธิบายข่าวประเสริฐอย่างตรงไปตรงมาให้กับอีกคนหนึ่งที่รู้จักและไว้ใจเขา
คริสเตียนควรเกิดผลมากที่สุดเมื่อเป็นพยานกับเพื่อน ๆ และคนรู้จักเพราะคนเหล่านั้นได้เห็นแบบอย่างในชีวิตของเขา ถ้าหากแบบอย่างชีวิตของเขาดี คนเหล่านั้นจะเคารพนับถือคำพยานของเขามากกว่า การที่คริสเตียนสำแดงความเชื่อของเขาเพื่อให้ผู้คนรู้เสมอว่าเขาเป็นคริสเตียนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เขาไม่ควรรู้สึกอายที่จะให้คนอื่นเห็นเขาอ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐาน ผู้คนที่รู้จักเขาไม่ควรประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเขาเป็นคริสเตียน
คริสเตียนสามารถรับความเคารพนับถือเนื่องจากเป็นแบบอย่างที่ดีในโรงเรียนหรือในที่ทำงานแม้จากคนที่ไม่ชอบศาสนาคริสต์ได้ แม้คนที่ข่มเหงเขาก็จะเคารพแบบอย่างชีวิตของเขา ถ้าหากเขามีพฤติกรรมและท่าทีที่ดีอย่างสม่ำเสมอ บางคนจะมาขอให้เขาอธิษฐานและขอคำปรึกษา
บางคนคิดว่าพวกเขาต้องรู้จักคนนั้นสักช่วงหนึ่งก่อนที่จะเป็นพยานกับเขา พวกเขาพยายามเป็นเพื่อนกับใครบางคนก่อนที่จะพูดคุยเรื่องพระเจ้า เป็นความจริงที่คน ๆ หนึ่งจะฟังเพื่อนของเขามากกว่า แต่มันก็เป็นไปได้ที่จะแสดงความห่วงใยและสนใจอย่างจริงใจกับคนที่พึ่งพบเห็น ถ้าหากเราไม่เรียนรู้วิธีแบ่งปันข่าวประเสริฐกับคนที่เราพบเจอ เราก็จะพลาดหลายโอกาสที่จะเกิดผล บทเรียนก่อนหน้าเรื่อง “ประตูที่เปิดออก” ให้วิธีการเริ่มต้นบทสนทนาเพื่อประกาศข่าวประเสริฐไว้แล้ว
ผู้ชายคนหนึ่งพูดว่า “เมื่อใดที่ผมอยู่ตามลำพังกับอีกคนสักสองสามนาที ผมจะถือว่าเป็นโอกาสที่พระเจ้ากำหนดไว้” เขาหมายความว่า เขาเชื่อว่าพระเจ้าให้การพบเจอกันนี้เกิดขึ้นเพื่อข่าวประเสริฐ
คุณสามารถทำบางอย่างเพื่อเผยแพร่ข่าวประเสริฐอย่างที่อัครทูตเปาโลทำไม่ได้
เรามีวิธีเผยแพร่ข่าวประเสริฐซึ่งคริสตจักรในหลายศตวรรษไม่สามารถทำได้คือ การจัดพิมพ์ข้อมูลเป็นเอกสาร
► คุณคิดว่าพันธกิจก่อนและหลังมีการจัดพิมพ์เอกสารแตกต่างกันอย่างไร?
ลองนึกถึงพันธกิจในยุคสมัยก่อนมีการจัดพิมพ์เอกสาร สำเนาหนังสือทุกเล่มต้องใช้เวลาคัดลอกเยอะมากและต้องเป็นคนที่มีการศึกษาเพราะต้องเขียนด้วยมือ คุณอาจคิดว่าหนังสือต่าง ๆ ราคาแพงในเวลานี้ แต่ให้คิดถึงการจ่ายเงินในจำนวนเดียวกันกับค่าหนังสือให้กับผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะที่ต้องใช้เวลาสิบวันในการทำงานนี้
แทบจะไม่มีใครเลยที่มีพระคัมภีร์เป็นของตัวเอง แม้แต่ศิษยาภิบาลก็อาจไม่มีพระคัมภีร์ทั้งเล่ม ลองนึกภาพว่าถ้าคุณไม่มีโอกาสเลยที่จะได้อ่านพระคัมภีร์ที่บ้าน
การฝึกอบรมศิษยาภิบาลสำเร็จได้โดยการพูดเป็นส่วนใหญ่ และพวกเขาต้องพยายามจดจำสิ่งที่ได้ยิน ไม่มีทางที่จะส่งคู่มือการฝึกอบรมไปยังสถานที่อื่น ๆ ได้ ถ้าไม่มีการจัดพิมพ์เอกสาร ก็จะไม่มีงานเขียนและแจกจ่ายไปจำนวนมาก
► การจัดพิมพ์เอกสารช่วยในการเผยแพร่ข่าวประเสริฐในทางใด?
ใบปลิวคือเอกสารแผ่นเล็ก ๆ ที่ตีพิมพ์ออกมา โดยปกติใช้ในการนำเสนอข่าวประเสริฐ คริสเตียนใช้แจกให้กับทุกคนที่พวกเขาพบเจอ พวกเขายังใช้เพื่อแจกให้กับคนจำนวนมากในสถานที่สาธารณะด้วย นอกจากนี้ยังใช้วางไว้ในที่ต่าง ๆ เพื่อให้คนมาหยิบอ่านได้
ถ้าหากคนใดที่ไม่ค่อยได้ประกาศข่าวประเสริฐกับคนแปลกหน้า การแจกใบปลิวก็เป็นวิธีเริ่มต้นที่ดี
ใบปลิวควรมีสีสันและหัวข้อที่น่าสนใจ เมื่อแจกใบปลิวให้กับผู้คนบนถนนหรือที่สาธารณะอื่น ๆ ให้ยิ้มและทักทายพวกเขา คุณสามารถใช้คำพูดว่า “สวัสดีครับ คุณเคยได้รับใบปลิวนี้หรือยังครับ?” จะทำให้พวกเขาสนใจอยากดูว่าคืออะไร
เป็นไปได้ที่ดูเหมือนคนส่วนใหญ่ไม่สนใจใบปลิวที่คุณแจกให้ หลายคนอาจโยนทิ้งโดยไม่อ่านเลย อย่างไรก็ตามมันมีผลดีด้วย มีคนเคยกลับใจมาเชื่อเพราะข่าวประเสริฐในใบปลิว โดยปกติแล้วคุณจะไม่เห็นผลลัพธ์จากใบปลิวที่คุณแจกไป
[1]บางครั้งผู้คนเป็นห่วงเกี่ยวกับความจำเป็นบางอย่างในชีวิตทางกายภาพ พวกเขาไม่มีอาหารเพียงพอ ไม่มีที่พักอาศัย หรือขาดการดูแลเอาใจใส่ทางการแพทย์ พวกเขารู้สึกว่าความจำเป็นเหล่านั้นเร่งด่วนกว่าความจำเป็นทางฝ่ายวิญญาณ คริสตจักรสามารถใช้การตอบสนองความจำเป็นทางกายภาพเป็นวิธีในการแบ่งปันข่าวประเสริฐได้ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้คือคริสตจักรหันไปสนใจแต่ความจำเป็นบนโลกนี้มากกว่าสนใจความจำเป็นทางฝ่ายวิญญาณ ซึ่งไม่ต่างกับคนที่ยังไม่ได้รับความรอด
คริสตจักรควรตอบสนองความจำเป็นทางกายภาพแต่ก็ควรรักษาแนวทางปฏิบัติที่เน้นลำดับความสำคัญฝ่ายวิญญาณ
1. พวกเขาควรอธิบายว่าพวกเขากำลังแบ่งปันความรักของพระเจ้าในขณะที่ตอบสนองความจำเป็นนั้น
2. พวกเขาควรทำงานร่วมกันกับครอบครัวแห่งความเชื่อมากกว่ากับองค์กรที่แตกต่างจากคริสตจักร
3. พวกเขาควรเชิญผู้คนให้เข้ามาสามัคคีธรรมในคริสตจักรซึ่งที่นั่นผู้คนเอาใจใส่ดูแลกัน
4. พวกเขาควรแบ่งปันข่าวประเสริฐ สอนว่าชีวิตนิรันดร์และพระพรมาจากอาณาจักรของพระเจ้า
มีมิชชันนารีจำนวนมากนำเสนอโปรแกรมที่ตอบสนองความจำเป็นด้านวัตถุ พวกเขารับใช้ชุมชนด้านความจำเป็นต่าง ๆ ตามที่พวกเขามีทรัพยากร เป้าหมายของพวกเขาคือสร้างโอกาสแบ่งปันข่าวประเสริฐ พวกเขาคิดว่าการช่วยเหลือคนในทางกายภาพจะสร้างมิตรภาพและทำให้คนสนใจข่าวประเสริฐ สูตรของพวกเขาคือ โปรแกรมก่อน ความสัมพันธ์ตามมา และสุดท้ายข่าวประเสริฐ
มีหลายวิธีที่ทำให้โปรแกรมการช่วยเหลือต่าง ๆ ไปในทิศทางที่ผิด การช่วยเหลืออาจไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ใด ๆ นอกเหนือจากความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้กับผู้รับ บางครั้งดูเหมือนข่าวประเสริฐเป็นคนละเรื่องกันกับการแจกสิ่งของ ผู้คนรับความช่วยเหลือโดยไม่สนใจข่าวประเสริฐเลย แม้คนที่ทำงานในโปรแกรมนั้นก็มัวแต่ยุ่งจัดเตรียมของช่วยเหลือและไม่แบ่งปันข่าวประเสริฐ
สูตรนั้นควรพลิกด้าน คริสตจักรควรเน้นข่าวประเสริฐเมื่อติดต่อกับทุกคนครั้งแรก
เมื่อคริสตจักรนำเสนอข่าวประเสริฐให้กับโลกนี้ พวกเขาต้องสัตย์ซื่อในการอธิบายถึงชีวิตใหม่ในคริสตจักร ความรอดไม่ได้เป็นเพียงการตัดสินใจส่วนบุคคล แล้วปล่อยให้คนนั้นอยู่ตามลำพังกับชีวิตใหม่ของเขา คนบาปจะไม่ยอมรับข่าวประเสริฐจนกว่าพวกเขาจะประทับใจกับชุมชนแห่งความเชื่อที่นำเสนอข่าวประเสริฐ
ในพันธกิจของพระเยซูและพวกอัครทูต เรามองเห็นว่าข่าวประเสริฐคือ “ข่าวดี” เรื่องอาณาจักรของพระเจ้า เป็นข่าวดีที่บอกว่าคนบาปสามารถรับการยกโทษและเข้ามามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้ เขาจะได้รับการช่วยให้หลุดพ้นจากอำนาจของความบาปและได้รับการสร้างใหม่ เขาจะเข้าสู่ครอบครัวแห่งความเชื่อซึ่งมีพี่น้องฝ่ายวิญญาณหนุนใจและช่วยเหลือเขาในสิ่งที่จำเป็น
คริสตจักรควรมองเห็นมิชชันที่เป็นรากฐานของตนนั่นคือการสื่อสารข่าวประเสริฐ คริสตจักรควรทำงานนี้อย่างต่อเนื่อง ทุกคนควรรู้ว่าการทำงานเพื่อความรอดของจิตวิญญาณคือเป้าหมายของคริสตจักร จากนั้นคริสตจักรจึงดึงดูดผู้คนที่ตรงกับเป้าหมาย คือคนที่สนใจในข่าวประเสริฐ คนเหล่านี้เข้ามามีความสัมพันธ์กับคริสตจักร ดังนั้นพันธกิจแห่งข่าวประเสริฐก็จะสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้น
จากนั้นคริสตจักรจึงช่วยเหลือผู้คนที่มีความสัมพันธ์กับคริสตจักร คนเหล่านั้นอาจไม่ได้รับความรอดทุกคน แต่พวกเขามีความสัมพันธ์กับคริสตจักรและสนใจพันธกิจข่าวประเสริฐของคริสตจักร
ด้วยเหตุนี้ สูตรนี้จึงกลับกันคือ ข่าวประเสริฐก่อน ความสัมพันธ์ตามมา แล้วสุดท้ายจึงช่วยเหลือ (ไม่ใช่โปรแกรม) คริสตจักรไม่ควรเป็นเพียงองค์กรที่นำเสนอโปรแกรมสำหรับช่วยเหลือ แต่คริสตจักรคือกลุ่มคนที่ช่วยเหลือคนที่มีความสัมพันธ์กับพวกเขา ถ้าพวกเขาเริ่มโปรแกรม ผู้คนจะมาร่วมแต่ไม่มีความสัมพันธ์
“พวกมิชชันนารีในอินเดีย ยูกันดา และในที่อื่น ๆ ถูกกล่าวหาว่า “ซื้อ”
พวกคนที่กลับใจมาเชื่อโดยการให้เงิน การบรรเทาความอดอยาก
โอกาสทางการศึกษา และบริการทางการแพทย์ หรือโดยการให้สิทธิพิเศษอื่น ๆ”
- เจ เฮอร์เบิร์ท เคน
“การทำงานเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ”
(1) สังเกตวิธีการประกาศข่าวประเสริฐที่ใช้ในคริสตจักรในพื้นที่ของคุณ วิธีการนั้นใช้ได้ผลในการดึงดูดความสนใจคนนอกคริสตจักรไหม? วิธีการเหล่านั้นสื่อสารข่าวประเสริฐอย่างชัดเจนหรือไม่? เขียนอธิบายการสังเกตของท่านมา 2-3 หน้ากระดาษ
(2) แจกใบปลิวอย่างน้อย 100 ใบ เขียนอธิบายประสบการณ์ของท่านมาสองหรือสามประโยค
SGC exists to equip rising Christian leaders around the world by providing free, high-quality theological resources. We gladly grant permission for you to print and distribute our courses under these simple guidelines:
All materials remain the copyrighted property of Shepherds Global Classroom. We simply ask that you honor the integrity of the content and mission.
Questions? Reach out to us anytime at info@shepherdsglobal.org
Total
$21.99By submitting your contact info, you agree to receive occasional email updates about this ministry.
Download audio files for offline listening
No audio files are available for this course yet.
Check back soon or visit our audio courses page.
Share this free course with others