Lesson 12: ประตูที่เปิดออก

► เราควรอธิษฐานเผื่อคนบาปหรือไม่? พระคัมภีร์ตอนใดที่บอกให้เราอธิษฐานเผื่อคนบาป?

ไม่ง่ายที่จะพบข้อพระคัมภีร์ที่บอกตรง ๆ ว่าให้เราอธิษฐานให้คนบาปกลับใจมาเชื่อ สิ่งที่เราพบหลายข้อคือที่บอกให้เราอธิษฐานเผื่อการเกิดผลในการประกาศข่าวประเสริฐ (2 เธสะโลนิกา 3:1, เอเฟซัส 6:19, โคโลสี 4:4, กิจการ 4:29)

เรารู้ว่าเราควรอธิษฐานเพื่อให้คนบาปกลับใจมาเชื่อควบคู่กับการอธิษฐานเผื่อความสำเร็จของข่าวประเสริฐ พระคัมภีร์บอกให้เราอธิษฐานเผื่อทุกคนซึ่งรวมถึงการอธิษฐานเผื่อคนบาปให้กลับใจมาเชื่อ (1 ทิโมธี 2:1) พระคัมภีร์บอกให้เราพยายามนำคนให้กลับใจใหม่ (2 ทิโมธี 2:25) และเป็นการเหมาะสมที่จะอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าในการทำงานนั้น

เมื่อคริสตจักรมาถึงจุดที่ดีที่สุด การประกาศข่าวประเสริฐย่อมเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ในคริสตจักรยุคแรกซึ่งถูกกล่าวถึงในพระธรรมกิจการ ดูเหมือนทุกคนเผยแพร่ข่าวประเสริฐด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน กิจการ 2:46-47 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง

เห็นได้ชัดว่า การสามัคคีธรรมของคริสตจักรเหนียวแน่นมากและมีชีวิตชีวาจนดึงดูดคนอื่น ๆ ให้เข้ามาร่วม สิ่งนี้บอกให้เรารู้ว่าหากคริสตจักรไม่ดึงดูดผู้คนใหม่ ๆ ให้เข้ามา แสดงว่าการสามัคคีธรรมในคริสตจักรนั้นไม่เหนียวแน่นมากพออย่างที่ควรเป็น

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน กิจการ 5:42 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง

พวกอัครทูตและคนอื่น ๆ ได้ค้นพบโอกาสเพื่อประกาศข่าวประเสริฐในทุกหนแห่งและตลอดเวลา บางคริสตจักรไม่มีการประกาศข่าวประเสริฐและพวกเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร พวกเขาไม่รู้วิธีค้นพบโอกาสเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน กิจการ 8:1-4 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง

เนื่องจากการข่มเหง คริสเตียนมากมายต้องออกจากเยรูซาเล็มเพื่อไปอาศัยอยู่ในที่อื่น ๆ พวกเขาแบ่งปันข่าวประเสริฐในทุกที่ที่พวกเขาไป สำหรับพวกเขาแล้ว การแบ่งปันข่าวประเสริฐเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคริสเตียน

คุณควรหลีกเลี่ยงการโต้เถียงเกี่ยวกับคริสตจักรต่อหน้าคนที่ยังไม่ได้รับความรอด พยายามไม่ตัดสินคริสตจักรอื่น ๆ ขณะที่คุณแบ่งปันข่าวประเสริฐ คนที่ยังไม่ได้รับความรอดไม่มีการวินิจฉัยฝ่ายวิญญาณเพื่อหาข้อสรุปที่ถูกต้องได้ในการโต้เถียงกันทางศาสนา มีคนมากมายในโลกนี้ที่พูดว่าความขัดแย้งกันในท่ามกลางคริสตจักรต่าง ๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่เชื่อในศาสนาคริสต์

ถ้าหากบางคนยืนกรานถามเรื่องความแตกต่างของหลักคำสอน จงให้คำตอบจากพระคัมภีร์ แต่พยายามนำเขากลับมาที่เนื้อหาของข่าวประเสริฐ คุณพูดได้ว่า “นั่นเป็นคำถามที่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้รับความรอดและมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า” ถ้าพวกเขาบอกคุณเกี่ยวกับคริสเตียนคนหนึ่งที่พวกเขาเคยรู้จัก อาจเป็นญาติหรือศิษยาภิบาล พยายามอย่าตัดสินเกี่ยวกับหลักคำสอนของคนนั้น

ถ้าหากคุณต้องอธิบายถึงความแตกต่างของคริสตจักรของคุณกับคริสตจักรอื่น ๆ คุณพูดได้ว่า “การที่คน ๆ หนึ่งจะกลับใจจากบาป ได้รับการยกโทษ และใช้ชีวิตด้วยการเชื่อฟังพระเจ้านั้นเป็นสิ่งสำคัญ คริสตจักรของเราเน้นสิ่งสำคัญเหล่านั้น ทำให้คริสตจักรของเราไม่เหมือนคริสตจักรอื่นที่เน้นอย่างอื่น”

คริสเตียนบางคนกลัวการประกาศข่าวประเสริฐเพราะพวกเขากลัวเจอคำถามที่ยาก การใส่ใจเรียนรู้เป็นเรื่องดี แต่ความจริงคือคริสเตียนส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีตอบทุกคำถามที่ยาก คุณไม่จำเป็นต้องรู้คำตอบทั้งหมดเลย

ถ้าหากบางคนถามคำถามที่คุณตอบไม่ได้ คุณพูดในทำนองนี้ได้ว่า “ผมไม่รู้คำตอบที่ดีที่สุด แต่มีคนที่คริสตจักรของผมตอบได้ ผมเชื่อพระคัมภีร์และผมเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้จักพระเจ้าและได้รับความรอด ผมรู้วิธีที่จะทำให้คุณได้รับความรอดนี้”

ถ้าหากมีคนพูดว่า “ฉันไม่เชื่อพระคัมภีร์” หรือ “ฉันไม่เชื่อพระเจ้า” มีสองทิศทางที่แตกต่างกันซึ่งคุณจะรับมือกับการสนทนานั้นได้ คุณสามารถถามเขาถึงเหตุผลที่เขาคิดแบบนั้นและพยายามแสดงพยานหลักฐานให้กับเขา อีกทิศทางคือการพูดว่า “คุณอาจเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพยายามหาบทสรุปที่เป็นเหตุเป็นผล แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อพระคัมภีร์ แต่เพราะคุณเป็นคนฉลาด คุณจะต้องการรู้คำสอนพื้นฐานของพระคัมภีร์แน่ ผมขออธิบายให้คุณฟังได้ไหม?” ด้วยวิธีการนี้คุณควรแบ่งปันข่าวประเสริฐโดยไม่ต้องโต้เถียง พระเจ้าสามารถใช้ข่าวสารนี้ให้มีผลกระทบต่อเขาได้ในภายหลัง

เมื่อคุณกำลังประกาศข่าวประเสริฐ คุณอาจพบกับบางคนที่ต้องการโต้เถียงเท่านั้น คุณไม่ควรเสียเวลากับเขาเยอะ แม้ว่าคุณจะพูดถูกต้องทุกอย่าง แต่เขาก็จะไม่ยอมรับความจริง คุณแบ่งปันกับเขาถึงพื้นฐานของข่าวประเสริฐ แล้วจากนั้นก็เดินหน้าไปคุยกับคนอื่นต่อไป

► อ่าน ทิตัส 1:9-11 พระคัมภีร์ตอนนี้ให้เหตุผลอะไรว่าเราต้องปกป้องข่าวประเสริฐ?

หนึ่งในความสามารถที่ศิษยาภิบาลควรพัฒนาคือความสามารถในการปกป้องหลักความจริงของคริสเตียนจากปรัชญาต่าง ๆ ของโลกนี้ นี่ไม่ใช่การโต้แย้งเกี่ยวกับหลักคำสอนที่แตกต่างกันของคริสตจักรต่าง ๆ แต่เป็นการต้านทานโลกนี้ที่ต่อต้านข่าวประเสริฐ

เหตุผลที่เราต้องปกป้องความจริงไม่ใช่แค่พยายามทำให้คนที่โต้แย้งกลับใจมาเชื่อ แต่เพื่อช่วยผู้คนที่ได้รับอิทธิพลจากเขาด้วย มีคนมากมายที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเชื่ออะไร พวกเขาจำเป็นต้องได้ยินการปกป้องหลักความจริงของคริสเตียน

คริสเตียนส่วนใหญ่ไม่ได้รับการเสริมสร้างอย่างเต็มที่เพื่อให้รู้จักโต้แย้งในเรื่องนี้ คริสเตียนทุกคนควรเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่บางคนมีของประทานพิเศษและถูกเตรียมให้พร้อมเพื่อทำงานนี้โดยเฉพาะ

การแสดงให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ของคุณในการโต้แย้งนั้นเป็นสิ่งสำคัญ คุณไม่ได้พยายามเอาชนะ คุณไม่ได้ต่อสู้คนนั้นเหมือนกับเป็นศัตรู คุณจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าความจริงนี้สำคัญกับคุณเพราะคุณห่วงใยผู้คน ถ้าหากเขาไม่เชื่อข่าวประเสริฐ จิตวิญญาณของเขาจะหลงหาย นั่นคือเหตุผลที่คุณต้องการเปลี่ยนความคิดของเขา คุณพูดในทำนองนี้ได้ว่า “ผมอยากให้คุณรู้จักพระเจ้าและได้รับความรอด และผมเกรงว่าคุณกำลังเชื่อบางสิ่งที่จะไม่นำคุณมาถึงพระเจ้า”

เรามีบันทึกในพระคัมภีร์เกี่ยวกับช่วงเวลาที่เมื่อผู้ประกาศข่าวประเสริฐค้นพบโอกาสพิเศษเพื่อแบ่งปันข่าวประเสริฐ

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน กิจการ 8:26-39 ให้คนทั้งกลุ่มฟัง ขอให้นักศึกษาอีกคนสรุปเรื่องในพระคัมภีร์ตอนนี้ให้กับกลุ่ม พระวิญญาณของพระเจ้าทำงานอย่างไรในเหตุการณ์นี้? ฟิลิปมองเห็นโอกาสเพื่อประกาศข่าวประเสริฐอย่างไร?

อีกตัวอย่างของคนที่มองเห็นโอกาสเพื่อประกาศข่าวประเสริฐนั่นคือพระเยซูเอง

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน ยอห์น 4:7-14 ให้คนทั้งกลุ่มฟัง ขอให้นักศึกษาอีกคนสรุปเรื่องในพระคัมภีร์ตอนนี้ให้กับกลุ่ม

บทสนทนานี้เกิดขึ้นระหว่างพระเยซูกับหญิงชาวสะมาเรียเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ ข้อโต้แย้งทางศาสนา และบทบาทหน้าที่ในชีวิตประจำวัน พระเยซูไม่ได้ใช้เวลามากกับหัวข้อต่าง ๆ เหล่านี้ แต่นำการสนทนาไปยังหัวข้อความขัดสนฝ่ายวิญญาณของหญิงคนนี้

เมื่อคุณได้เรียนรู้วิธีนำเสนอข่าวประเสริฐ คุณจะมองหาโอกาสแบ่งปันข่าวประเสริฐกับผู้คน ในบางโอกาสอาจมีบางคนขอฟังข่าวประเสริฐ แต่ปกติแล้วโอกาสต่าง ๆ จะไม่ได้ปรากฎชัด

คริสเตียนบางคนรู้สึกว่าการแบ่งปันข่าวประเสริฐทำได้ยากเพราะพวกเขาคิดว่าผู้คนไม่สนใจที่จะได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาคิดว่ายากที่จะเริ่มต้นบทสนทนาเกี่ยวกับศาสนา

ข่าวประเสริฐจัดการกับความกังวลมากมายที่ผู้คนมีได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ยากที่จะพูดเรื่องข่าวประเสริฐในการสนทนา

ในบทเรียนนี้ ต่อไปเราจะพูดถึงเหตุผลที่ผู้คนสนใจในข่าวประเสริฐ

ผู้คนมีแรงจูงใจที่หลากหลายในการตอบสนองต่อข้อเสนอของความรอด บางครั้งเป็นแรงจูงใจที่ผิด แต่ก็มีหลายครั้งที่ถูกต้อง

► อะไรคือเหตุผลของคุณในการยอมรับข่าวประเสริฐ? ให้นักศึกษาบางคนอธิบายถึงเหตุผลของตัวเองในกลับใจมาเชื่อ

มีแรงจูงใจหลากหลายที่เป็นสาเหตุให้คนต้องการความรอด

• อยากไปสวรรค์ ไม่อยากตกนรก (หรือกลัวการพิพากษา)

• อยากมีความสำเร็จและวัตถุประสงค์ในชีวิต

• อยากมีความมั่นคง ใจสงบ เสรีภาพจากความกลัว

• อยากได้รับการยกโทษ เป็นอิสระจากความรู้สึกผิด (มีจิตสำนึกที่ใสสะอาด)

• อยากได้รับการชำระและทำให้สมบูรณ์ในฝ่ายวิญญาณ

• อยากมีสามัคคีธรรมกับพระเจ้า (อยากรู้จักพระเจ้า)

• อยากมีสามัคคีธรรมกับคริสเตียน

• อยากให้ความปรารถนาฝ่ายวิญญาณได้รับการเติมเต็ม (ความสุขที่แท้จริง)

• อยากหลุดพ้นจากความบาป

• อยากรู้จักความจริง

เหล่านี้เป็นผลประโยชน์โดยตรงของการคืนดีกันกับพระเจ้า ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความกังวลในโลกนี้ที่ขัดแย้งกับคุณค่าอันเป็นนิรันดร์ คนจะขาดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าหากเขาแยกขาดจากพระเจ้า

► ขอให้ดูรายการที่เป็นแรงจูงใจข้างต้นและพิจารณาว่าข้อใดที่สำคัญสำหรับคุณ ข้อใดที่ดึงดูดใจคุณก่อนจะกลับใจมาเชื่อ? ข้อใดที่กลายมาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณหลังจากกลับใจมาเชื่อ?

คนที่ยังไม่ได้รับความรอดอาจแสดงให้เห็นในบทสนทนาของเขาว่าเขาต้องการหนึ่งในผลประโยชน์จากความรอดนี้ ผู้ประกาศข่าวประเสริฐสามารถดัดแปลงวิธีการเข้าหาเพื่อแบ่งปันข่าวประเสริฐให้ตรงกับความต้องการนั้นโดยพูดว่า “เหตุผลที่ผู้คนไม่มี ______ ก็เพราะพวกเขาแยกขาดจากพระเจ้า พระคัมภีร์บอกเราถึงวิธีกลับมามีความสัมพันธ์กับพระเจ้า”

สำคัญมากที่เราจะไม่สัญญาถึงความสุขทางโลกกับใครที่จะมาเป็นคริสเตียน คนที่ตัดสินใจมาเป็นคริสเตียนด้วยเหตุผลนั้นอาจไม่ได้กลับใจจากบาปอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เขาก็จะไม่ได้รับผลประโยชน์จากความรอด อีกเหตุผลที่เราไม่ควรสัญญาความสุขทางโลกเพราะพระคัมภีร์ไม่ได้สัญญาถึงสถานการณ์ที่ดี ๆ ให้กับคริสเตียน แต่ทำนายถึงการข่มเหง (2 ทิโมธี 3:12)

เหตุผลที่สำคัญที่สุดสำหรับคนหนึ่งในการมาเป็นคริสเตียนคือ การที่เขาตระหนักถึงความผิดของตัวเองและตระหนักถึงการพิพากษาที่กำลังมา สิ่งอื่น ๆ ในรายการข้างต้นสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยให้คนตระหนักได้ว่าเขาเองแยกขาดจากพระเจ้า

► คุณเปิดประเด็นอะไรเพื่อสร้างโอกาสในการแบ่งปันข่าวประเสริฐ?

► สำหรับคุณคนใดคนหนึ่ง การสร้างโอกาสเพื่อแบ่งปันข่าวประเสริฐทำได้ยากไหม? คุณคิดว่าอะไรคือเหตุผลของความยากนั้น?

บางครั้งโอกาสมาอย่างง่ายดาย ในกรณีเหล่านั้น คุณสามารถเริ่มต้นอธิบายข่าวประเสริฐได้แบบง่าย ๆ ถ้าหากคุณอยากเปิดข้อพระคัมภีร์ คุณถามได้ว่า “ผมขอใช้เวลาสองสามนาทีเปิดพระคัมภีร์ให้คุณดูเพื่อจะรู้วิธีมาเป็นคริสเตียนได้ไหมครับ?” ถ้าหากคุณอยากใช้ภาพวาดสะพาน คุณถามได้ว่า “ผมขอเวลาสองนาทีวาดภาพสิ่งที่พระคัมภีร์บอกว่าเป็นหนทางที่จะทำให้รู้แน่ชัดว่าคุณได้รับความรอด จะได้ไหมครับ?”

ประตูที่เปิดนั้นเกิดขึ้นในบทสนทนาหลายหัวข้อ บทสนทนาที่เปิดประตูซึ่งอธิบายในที่นี้สามารถนำไปใช้กับการนำเสนอภาพวาดสะพาน หรือการนำเสนอข่าวประเสริฐจากข้อพระคัมภีร์อย่างเช่นถนนสายโรมได้

► เคยมีใครได้ยินผู้คนบ่นเกี่ยวกับสภาพการณ์ที่ยากลำบากในชีวิตของพวกเขาบ้างไหม?

บางครั้งผู้คนบ่นถึงสภาพการณ์ที่ยากลำบากในชีวิตของพวกเขา ให้ถามว่า “ทำไมชีวิตถึงยากลำบากแบบนั้น?” หลังจากพวกเขาตอบแล้ว ให้พูดว่า “ผมขอวาดภาพเพื่ออธิบายว่าทำไมชีวิตถึงต้องยากลำบากได้ไหมครับ?” เริ่มต้นโดยการพูดว่าพระเจ้าตั้งใจให้เราใช้ชีวิตอยู่ในความสัมพันธ์อันดีกับพระองค์และไม่ได้ตั้งใจให้ชีวิตของเราเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ โลกถูกทำให้เสื่อมลงเพราะความบาป แล้วจึงนำเสนอด้วยการวาดภาพ

ในการนำเสนอโดยตรงด้วยการใช้ข้อพระคัมภีร์เช่น ถนนสายโรม คุณพูดได้ว่า “พระคัมภีร์อธิบายว่าชีวิตต้องยากลำบากเพราะทุกคนทำบาป ความบาปนำการแช่งสาปมาให้โลกนี้” นำเสนอต่อไปด้วยถนนสายโรม

ถ้าบุคคลหนึ่งดูเป็นคนเคร่งศาสนา คุณสามารถถามเขาว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาเชื่อ หรือถามเขาว่า “สิ่งที่คุณเชื่อเป็นหนทางที่ทำให้คน ๆ หนึ่งรู้ว่าเขาจะได้ไปสวรรค์ไหมครับ?” หลังจากฟังคำตอบแล้ว ให้ถามว่า “ผมขอเวลาสองนาทีวาดภาพเพื่ออธิบายสิ่งที่พระคัมภีร์บอกว่าคนจะไปสวรรค์ได้อย่างไร ได้ไหมครับ?”

► คุณเคยได้ยินผู้คนพูดคุยกันเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เลวร้ายของโลกหรือของประเทศชาติไหม? คุณใช้โอกาสนั้นเพื่อแบ่งปันข่าวประเสริฐอย่างไรบ้าง?

ถ้ามีคนหนึ่งกำลังพูดถึงปัญหาประเทศชาติ ความหิวโหยยากจนในโลก หรือการทำลายล้างของสงคราม ให้คุณถามว่า “ผมขอเปิดพระคัมภีร์อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้โลกเป็นแบบนี้ได้ไหมครับ?”

แสดงให้เห็นว่าสภาพการณ์ของโลกเช่นนั้นเกิดขึ้นเพราะคนบาปถูกแยกขาดจากพระเจ้า อย่าพูดเป็นนัยว่าความรอดจะยุติทุกปัญหา แต่แสดงให้เห็นว่าการที่แต่ละคนได้รับความรอดเป็นจุดเริ่มต้นของพระเจ้าในการแก้ไขปัญหา ในวันหนึ่งจะมีฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่โดยที่จะไม่มีปัญหาอยู่อีกต่อไปสำหรับคนที่คืนดีกับพระเจ้าในเวลานี้

คำถามต่าง ๆ สามารถนำมาใช้เพื่อเริ่มต้นบทสนทนา แล้วการสนทนาก็จะเปิดโอกาสสำหรับข่าวประเสริฐ

คำถามที่ง่ายที่สุดคือ “คุณเป็นคริสเตียนไหม?” คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกขุ่นเคืองกับคำถามนี้ ถ้าหากคนนั้นตอบว่า “ไม่ได้เป็น” คุณสามารถถามว่า “ผมขอเล่าเรื่องที่พระคัมภีร์พูดถึงวิธีการมาเป็นคริสเตียนได้ไหมครับ?”

ถ้าคนนั้นตอบว่า “ใช่ ฉันเป็นคริสเตียน” คุณพูดได้ว่า “เยี่ยมเลยครับ คุณมาเป็นคริสเตียนได้ยังไงครับ?” ถ้าคำตอบไม่ถูกต้องและดูเหมือนเขาสับสน คุณสามารถเสนอคำอธิบายสิ่งที่พระคัมภีร์พูดว่าคน ๆ หนึ่งจะมาเป็นคริสเตียนได้อย่างไรแก่เขาได้

คำถามในเนื้อหาด้านบนสามารถนำมาใช้เมื่อมีคำถามเปิดประเด็นอื่น ๆ ในการสนทนา ด้านล่างนี้เป็นคำถามเพิ่มเติม

“คุณคิดว่าอะไรคือวัตถุประสงค์ของชีวิต?” ให้คนนั้นพูดความคิดเห็นของเขา เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ดีของเขา จากนั้นพูดว่า “ส่วนสำคัญที่สุดของวัตถุประสงค์ชีวิตของเราคือการรู้จักพระเจ้า พระองค์สร้างเรามาให้มีความสัมพันธ์กับพระองค์ ผมขอเปิดพระคัมภีร์ให้คุณรู้วิธีว่าจะมีความสัมพันธ์ได้อย่างไรนะครับ?”

“คุณคิดว่าอะไรคือกุญแจไขสู่ความสุข?” ไม่ว่าเขาเสนออะไร คุณสามารถพูดว่า “คนมากมายที่มีสิ่งนั้นดูเหมือนจะมีความสุขได้ไม่นาน พระคัมภีร์บอกเราว่าความชื่นชมยินดีมาจากพระเจ้า (สดุดี 16:11) ผมขอวาดภาพเพื่ออธิบายว่าคน ๆ หนึ่งจะเข้ามามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้อย่างไรนะครับ?”

“คุณเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายไหม? คุณคิดว่ามันเป็นแบบไหน?” จากนั้นพูดต่อว่า “พระคัมภีร์บอกว่าแต่ละคนจะต้องไปที่ใดที่หนึ่ง ไม่สวรรค์ก็นรก ผมขอเปิดพระคัมภีร์เพื่อบอกวิธีให้คุณรู้ว่าจะไปสวรรค์ได้อย่างไรได้ไหมครับ?”

“คุณคิดว่าอะไรคือคำสอนพื้นฐานของพระคัมภีร์ตอนนี้?” นี่เป็นโอกาสที่คุณจะแสดงภาพวาดจากบทที่ 9

► มีใครที่ได้ใช้วิธีเข้าหาเพื่อประกาศข่าวประเสริฐเหมือนกับหนึ่งในวิธีเหล่านี้ไหม? ใช้ได้ผลไหม?

ไม่ใช่สมาชิกในชั้นเรียนทุกคนจะรู้สึกสะดวกใจกับทุกวิธีที่อธิบายไว้ในบทเรียนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกวัฒนธรรมจะใช้วิธีอย่างเดียวกันได้หมด

วัตถุประสงค์ของบทเรียนนี้คือเพื่อช่วยให้นักศึกษาค้นพบแนวทางพัฒนาวิธีการเข้าหาเพื่อประกาศข่าวประเสริฐของตนเอง

ในบทเรียนครั้งหน้าประกอบไปด้วยแนวทางต่าง ๆ สำหรับการแจกใบปลิวข่าวประเสริฐ นักศึกษาจำเป็นต้องรู้ว่าจะได้รับใบปลิวนี้จากที่ไหนเพื่อนำไปแจก ถ้าเป็นไปได้ นำใบปลิวมาให้เพียงพอในชั่วโมงเรียนถัดไปด้วย

เมื่อคุณแบ่งปันข่าวประเสริฐอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ขอให้ลองใช้คำถามเปิดประเด็นเหล่านี้หรือคำถามที่คุณคิดขึ้นมาด้วยตัวเอง สังเกตว่ามันใช้ได้ผลแค่ไหน และเขียนอธิบายมาหนึ่งย่อหน้า เตรียมพร้อมเพื่อเล่าประสบการณ์ในชั่วโมงเรียนถัดไป